หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ Specialty Natural Products (SNPS) คาดกำไร 4Q24 เติบโต YoY และเด่นในปี 2025 คาดกำไรชะลอตัว QoQ แต่ยังเติบโตเด่น YoY ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้า คาดรายได้ใน 4Q24 ที่ 126 ลบ. (-3.2% QoQ, +60.5% YoY) ลดลง QoQ เนื่องจากลูกค้าเร่งสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากในช่วง 3Q24 แต่ยังเติบโตเด่น YoY หนุนจากฐานต่ำใน 4Q23 ที่ลูกค้าส่วนใหญ่เกิดปัญหา Overstock หลังจากที่สถานการณ์ COVID-19 สิ้นสุดลง รวมถึงการเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง ขณะที่ GPM คาดลดลง QoQ ซึ่งกดดันจาก U-rate ที่ปรับตัวลดลง แต่ยังเติบโต YoY เนื่องจาก Product Mix ที่ดีขึ้น จากการเติบโตของสินค้ากลุ่มสารสกัดสมุนไพรที่มีอัตรากำไรสูงกว่ากลุ่มรับจ้างผลิต (ODM) ขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A/Sales คาดว่าสูงขึ้น QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Seasonal ที่บริษัทมักมีการจ่ายเงินโบนัสพนักงานในช่วงท้ายปี ทำให้คาดกำไรปกติใน 4Q24 ที่ 17 ลบ. (-26.8% QoQ, +190.0% YoY) ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้า หากกำไรออกมาตามคาด กำไรทั้งปีจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประมาณการปี 2024 ยังมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการเติบโตในปี 2025
คาดกำไรปกติปี 2025 ที่ 113 ลบ. (+58.8% YoY) เติบโตเด่นต่อเนื่อง หนุนจาก
- รายได้คาดเติบโตเป็น 605 ลบ. (+33.0% YoY) หนุนจากลูกค้ารายเดิมที่ยังมีการขยายยอดคำสั่งซื้อต่อเนื่อง หลังจากสินค้าใหม่ของลูกค้าได้รับการรองรับจาก อย. แล้วในช่วง 4Q24 และคาดว่าจะเริ่มผลิตและรับรู้รายได้ตั้งแต่ 1Q25 เป็นต้นไป รวมถึงการเริ่มรับรู้รายได้ที่มากขึ้นจากผู้ประกอบการกลุ่มใหม่ที่นอกเหนือจากกลุ่มลูกค้าเดิม อาทิ กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและเครื่องดื่ม
- GPM คาดว่าสูงขึ้นต่อเนื่องเป็น 41.5% YoY จาก U-rate ที่สูงขึ้น รวมถึง Product Mix ที่ดีขึ้นต่อเนื่องตามการเติบโตของผลิตภัณฑ์กลุ่มสารสกัดสมุนไพร
- ค่าใช้จ่าย SG&A/Sales ลดลง YoY เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่าย IPO เหมือนในปีก่อน
กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้จัดจำหน่ายสินค้ายาเวชภัณฑ์รายใหญ่ของไทย
ในปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการนำสินค้าไปจัดจำหน่ายในร้านค้าของโรงพยาบาลต่างๆ และคาดว่าบริษัทจะประกาศในช่วงต้นเดือน ก.พ. 2025 หากบริษัทสามารถเซ็นสัญญาสำเร็จ ในระยะแรกบริษัทมีแผนจะนำผลิตภัณฑ์กลุ่มโปรตีนอย่าง “Wellnova” เข้าไปจำหน่ายในช่องทางต่างๆ ซึ่งคาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้ราว 6 ลบ. ในช่วง 1Q25-2Q25 และคาดว่ารายได้ทั้งปี 2025 จะอยู่ที่ราว 13 ลบ./ปี (ปีแรก) และในลำดับถัดไปบริษัทมีแผนจะนำสินค้าใหม่ทั้งกลุ่มโปรตีนจากพืช และเวชภัณฑ์ต่างๆ เข้าไปจำหน่ายมากขึ้น
คงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสมที่ 6.60 บาท
ยังคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 6.60 บาท โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 32.7% นับตั้งแต่ IPO ที่ราคา 4.20 บาท ในช่วงเดือน พ.ย. 2024 แต่ราคาหุ้นในปัจจุบันยังซื้อขายบน PER25 ที่ 20.0 เท่า ซึ่งมองว่าไม่แพงหากเทียบกับแนวโน้มกำไรปี 2025 ที่เติบโต 58.5% YoY หรือคิดเป็น PEG เพียง 0.3 เท่า จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”