ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

SHR ธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติในเครือสิงห์ เอสเตท [HoonVision x FynnCorp]

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) [SHR]

  • Holding Company ถือหุ้นในบริษัทที่บริหารจัดการโรงแรมระดับนานาชาติ
  • ธุรกิจโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศรวม 36 แห่ง
  • โรงแรมภายใต้แบรนด์ของตัวเอง อย่าง SANTIBURI, SAii และอื่นๆ

Key Highlights

  • เน้นการทำธุรกิจโรงแรมระดับ Upper Upscale ผ่านการบริหารจัดการ 4 รูปแบบ ได้แก่ การบริหารเองภายใต้เเบรนด์ของบริษัท ภายใต้สัญญาแฟรนไชส์ ภายใต้สัญญาบริหารจัดการโดยบุคคลภายนอก และในลักษณะร่วมค้า
  • เติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการและสินทรัพย์ พร้อมกับพัฒนายกระดับแบรนด์ทราย (SAii) และ Reposition & Rebrand โรงแรมศักยภาพในสหราชอาณาจักร
  • เสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุดแก่ประชาชนทั่วไป อายุ 2 ปี และ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.5% -5.0% ต่อปี ตามลำดับ เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จองซื้อในระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2568 โดยปัจจุบัน บริษัทมีหุ้นกู้คงค้าง 1 รุ่น มูลค่า 1,300 ล้านบาท

S Hotels: Flagship Company ด้านธุรกิจโรงแรมของกลุ่มสิงห์ เอสเตท

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดยบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่ง SHR ประกอบธุรกิจผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาและบริหารจัดการโรงแรม เน้นการลงทุนในโรงแรมระดับนานาชาติ รวมถึงขยายธุรกิจและพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทมีโรงแรมทั้งสิ้น 36 แห่ง รวม 4,290 ห้อง ทั้งในไทย 4 โรงแรม และในต่างประเทศ อย่าง สาธารณรัฐมัลดีฟส์ (4 โรงแรม) สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ (2 โรงแรม) สาธารณรัฐมอริเชียส (1 โรงแรม) และสหราชอาณาจักร (25 โรงแรม) ซึ่งรายได้มากกว่า 80% มาจากต่างประเทศ โดยมาจากโรงแรมของบริษัทในสหราชอาณาจักรเป็นหลัก (36%)

การบริหารจัดการโรงแรมดังกล่าว แบ่งได้เป็น 4 รูปแบบหลัก ดังนี้

  • โรงแรมที่บริหารจัดการและดำเนินการเอง ภายใต้แบรนด์ของบริษัท (Self-Managed) ได้แก่ SANTIBURI, SAii และ Konotta Maldives
  • โรงแรมที่บริหารจัดการและดำเนินการเองภายใต้สัญญาแฟรนไชส์ (Self-Managed with Franchise Agreement) ผ่านแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CROSSROADS อย่าง SAii Lagoon Maldives และ Hard Rock Hotel Maldives
  • โรงแรมที่บริหารจัดการภายใต้สัญญาบริหารจัดการโดยบุคคลภายนอก (Third-party Hotel Management Agreement) ด้วยการว่าจ้างผู้ประกอบการโรงแรมภายนอก ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายใต้แบรนด์ Outrigger, Mercure, Castaway, The Unlimited Collection
  • โรงแรมที่มีการดำเนินงานในลักษณะร่วมค้า เช่น SO/ MALDIVES และ Holiday Inn

โดยโรงแรมส่วนใหญ่ของบริษัทจะอยู่ในระดับบน (Upper Upscale) เป็นหลัก ดังรูป

 

อัตราการเข้าพักโรงแรมในฟิจิทะลุ 90% ส่งผลบวกต่อรายได้

รายได้จากการให้บริการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 อยู่ที่ 7,745.6 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 7.2% YoY ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงบริษัทมีการปรับปรุงห้องพักให้ทันสมัยและตอบโจทย์ การกำหนดราคาตรงเป้าหมาย ทำให้โรงแรม Outrigger โรงแรมในโครงการ CROSSROADS และโรงแรมที่บริษัทบริหารเองในไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 45%, 8% และ 5% YoY ตามลำดับ โดยโรงแรม Outrigger ทั้งในสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ และมอริเชียส มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) โตขึ้นโดดเด่น

 

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน มีผลขาดทุนสุทธิ 13.4 ล้านบาท จากส่วนแบ่งขาดทุนจากกิจการร่วมค้าเป็นหลัก และผลกระทบจากการรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและการปรับมูลค่ายุติธรรมของตราสารอนุพันธ์ อีกทั้ง ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 6.4% YoY ส่วนหนึ่งมาจากการออกหุ้นกู้ในไตรมาส 4 ปี 2566

ผลการดำเนินงาน

เติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการและสินทรัพย์ ภายใต้งบ 1.5 หมื่นล้านบาท

ภายใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนโอกาสการเติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการและสินทรัพย์ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ด้วยงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมกับพัฒนายกระดับแบรนด์ทราย (SAii) ในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับลักซ์ซัวรี่ และวางงบกว่า 1 พันล้านในการปรับปรุงห้องพัก ขณะที่แผน Reposition & Rebrand โรงแรมศักยภาพในสหราชอาณาจักร คาดว่าจะเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2569

ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักที่มีให้บริการ (RevPAR) ในภาพรวมโตอยู่ที่ 5-10% YoY โดยเฉพาะในไทยที่คาดว่าจะโตระหว่าง 20-25% ท่ามกลางปัจจัยภายนอกอย่างนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว

หุ้นกู้ SHR

ทริสคงอันดับอันดับเครดิตองค์กรที่ BBB+ แนวโน้มเป็น Negative ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 จากการเป็นบริษัทลูกหลักของบริษัท สิงห์ เอสเตท และมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ของบริษัทแม่ ท่ามกลางผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงแรมปรับตัวดีขึ้นและอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ทริสยังคาดว่า บริษัทจะเข้าลงทุนในโรงแรมเพิ่มเติมในช่วง 2567 – 2569 ส่งผลต่อรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ส่วนแนวโน้มจาก Stable เป็น Negative เป็นไปตามแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทแม่ (S) ส่วนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ถูกจัดอันดับเครดิตที่ BBB (6 มกราคม 2568)

ประวัติอันดับเครดิตองค์กร

ข้อกำหนดการดำรงอัตราส่วนทางการเงิน ผู้ออกหุ้นกู้จะดำรงอัตราส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity Ratio) ตามงบการเงินรวมไม่เกินกว่า 2.5 เท่า โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทดำรงอัตราส่วนนี้เท่ากับ 0.71 เท่า

ส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ปรับตัวดีขึ้น ณ สิ้นไตรมาส 3 มาอยู่ที่ 1.30 เท่า จาก 1.34 เท่าในปี 2566 ในขณะที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม Tourism & Leisure ในปี 2566 อยู่ที่ 3.09 เท่า

หุ้นกู้คงค้าง บริษัทเสนอขายหุ้นกู้ต่อนักลงทุนทั่วไปเป็นครั้งแรกในปี 2566 ทำให้ในปัจจุบันมีหุ้นกู้คงค้างจำนวน 1 รุ่น มูลค่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในเดือนตุลาคม 2569 และบริษัทมีเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 1,876.5 ล้านบาท

เสนอขายหุ้นกู้แก่ประชาชนทั่วไป เป็นหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน จำนวน 2 ชุด เปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2568 ได้แก่

  • ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 อัตราดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี
  • ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2571 อัตราดอกเบี้ย 5.0% ต่อปี

วัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อ 1) ให้บริษัทย่อยกู้ยืม นำเงินไปชำระคืนหนี้ที่มีต่อสถาบันการเงิน (มูลค่าหนี้รวม 2,835 ล้านบาท) 2) สนับสนุนการลงทุน ปรับปรุงและพัฒนาโรงแรม หรือขยายธุรกิจ 3) ใช้เป็นเงินทุนสำรองระยะสั้นในการประกอบกิจการ

โดยมี ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่

- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 
- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 
- บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) 
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด



ปัจจัยเสี่ยง

  • ความเสี่ยงเรื่องโครงสร้างหนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ 89% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ใช้เป็นเงินลงทุนของบริษัทย่อย เป็นต้น โดยผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน จะมีสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัทที่ด้อยกว่าหนี้ที่มีลำดับได้รับชำระคืนก่อน
  • ความเสี่ยงจากการจัดหาเงินทุนและสภาพคล่อง การจัดหาเงินทุนจากภายนอกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ผลประกอบการ ภาวะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงิน ซึ่งธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกสูง หากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จะมีผลต่ออัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก ซึ่งส่งผลต่อผลการดำเนินงาน ดังนั้น หากความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรลดลง จะส่งผลให้การเข้าถึงแหล่งเงินทุนหรือเงื่อนไขการกู้ยืมมีความยากมากขึ้น
  • อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการเลือกใช้เครื่องมือในการจัดหาเงินทุนที่เหมาะสมตามสถานการณ์ ทำให้ ณ ปัจจุบัน บริษัทสามารถจัดหาเงินทุนเพื่อพัฒนาโครงการได้ตามแผนงาน ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยผ่านการทำ IRS Hedging บนเงินกู้ยืมในสกุลดอลล่าร์สหรัฐและปอนด์ ซึ่งเป็นเงินกู้หลักของบริษัทในสัดส่วนเฉลี่ยกว่า 90% ของวงเงินกู้ยืม
  • ความเสี่ยงจากอำนาจผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมมากว่า 50% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ซึ่งสัดส่วนรวมดังกล่าวสามารถควบคุมมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้เกือบทั้งหมด

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://app.visible.vc/shared-update/e6ce568b-4838-4f7e-aebe-25ed226805b5

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

[Vision Exclusive] ส่องมูลค่า GULF เปิดเทรดเป้า 56.50 บ.

[Vision Exclusive] ส่องมูลค่า GULF เปิดเทรดเป้า 56.50 บ.

[Vision Exclusive] A5 บ้านแนวราบมาแรง!  ส่งแบรนด์ใหม่เจาะตลาด

[Vision Exclusive] A5 บ้านแนวราบมาแรง! ส่งแบรนด์ใหม่เจาะตลาด

[Vision Exclusive] PYLON งานล้นมือ รายได้ทะลุพันล้าน

[Vision Exclusive] PYLON งานล้นมือ รายได้ทะลุพันล้าน

DELTA ทุ่ม 1,839 ลบ. ซื้อที่ดิน 150 ไร่  ลุยสร้างโรงงานผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ CPBG

DELTA ทุ่ม 1,839 ลบ. ซื้อที่ดิน 150 ไร่ ลุยสร้างโรงงานผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ CPBG

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด