หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.หยวนต้า ระบุ SAPPE รายงานกำไรสุทธิใน 4Q24 ที่ 189 ลบ. (-37.0% QoQ, +12.6% YoY) และหากหักกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 9 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 180 ลบ. (-37.5% QoQ, +19.6% YoY) ใกล้เคียงกับที่คาด แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยกำไรทั้งปี 2024 จะอยู่ที่ 1,233 ลบ. (+13.7% YoY) ตามคาด
► รายได้อยู่ที่ 1,377 ลบ. (-12.1% QoQ, +13.9% YoY) ใกล้เคียงคาด โดยลดลง QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season ของธุรกิจที่เป็นฤดูหนาว รวมถึงเป็นช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดเป็นจำนวนมาก แต่สามารถกลับมาเติบโต YoY ได้อีกครั้ง จากยอดขายในอินโดนีเซียและตะวันออกกลางที่กลับเข้าสู่ระดับปกติ รวมถึงการเริ่มรับรู้ผลของการนำ Mogu Mogu เข้าไปจำหน่ายยังร้าน Costco ในสหรัฐฯ
► อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 46.4% ดีกว่าคาดเล็กน้อย โดยสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY หนุนจากการรับรู้ผลของราคาต้นทุนการผลิตทั้งน้ำตาล และเม็ดพลาสติก (PET Resin) ที่ปรับตัวลงมากกว่าคาด
► ค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 475 ลบ. (+12.4% QoQ, +17.8% YoY) และหากเทียบกับรายได้ จะมีสัดส่วนที่ 34.3% ตามคาด โดยสูงขึ้น QoQ เนื่องจากมีบันทึกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับโบนัสพนักงานในช่วงท้ายปี และสูงขึ้น YoY จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดมากขึ้น อาทิ การทำ Global Campaign กับวง “SEVENTEEN”
► บริษัทมีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมที่ 3 ลบ. โดยบริษัทยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่เบื้องต้นคาดมาจากการตั้งด้อยค่าสินค้าล้าสมัยของ WOPE ขณะที่ Danone และ M-Intelligent คาดยังสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่อง
Our Take
► เราคาดกำไรปกติเบื้องต้นใน 1Q25 สามารถกลับมาเติบโต QoQ และ YoY ได้อีกครั้ง หนุนจากการผ่านพ้นช่วง Low season ส่งผลให้ลูกค้ากลับมาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ประกอบกับการรับรู้ผลของการนำ Mogu Mogu เข้าไปจำหน่ายยังร้าน Costco ในสหรัฐฯ เต็มไตรมาส ขณะที่ GPM คาดสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY เช่นกันจาก U-rate ที่ดีขึ้น รวมถึงการรับรู้ผลของราคาต้นทุนการผลิตที่คาดลดลงต่อเนื่องทั้งราคาน้ำตาล และเม็ดพลาสติก
► ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปี 2025 เราคาดกำไรปกติที่ 1,466 ลบ. (+18.8% YoY) ทำ New High ได้ต่อ หนุนจาก
-
- ยอดขายในยุโรปที่คาดกลับมาเติบโตได้อีกครั้งจากการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่
- การรับรู้ผลของการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังร้าน Costco ในสหรัฐฯ เต็มปี
- การออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 SKUs
- การขยายกำลังการผลิตใหม่ (+25% YoY) ขณะที่ GPM อาจลดลงเล็กน้อย YoY จากการรับรู้ค่าเสื่อมที่เพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิต แต่เราประเมินว่าจะสามารถชดเชยได้บางส่วนจากราคาต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวลง
นอกจากนี้ ประมาณการของเรายังมี Upside จากโอกาสในการได้ BOI ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้ NPM สูงกว่าประมาณการเรา
► คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 82.00 บาท ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายบน PER25 ต่ำเพียง 11.1 เท่า รวมถึงยังมี Upside gain 55.5% คงคำแนะนำ “ซื้อ” อย่างไรก็ตาม แม้กำไรจะออกมาใกล้เคียงที่เราคาด แต่ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาด ในเชิงกลยุทธ์ เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนปัจจัยลบจากกำไรใน 4Q24 ที่อ่อนแอไปแล้ว แนะนำทยอยเข้าสะสม