หุ้นวิชั่น – ORN ประกาศแผนธุรกิจปี 68 ตั้งเป้ารายได้โตกระฉูด 2,218 ลบ. หลังตุน Backlog แน่น 1,763 ลบ. คาดทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 68-69 พร้อมวางเป้ายอดขายไว้ที่ 2,414 ลบ. เผยเดือนมกราคมที่ผ่านมาทำยอดขายเกินเป้าทั้งไตรมาสแรกไปแล้ว ขณะที่เล็งผุดโครงการใหม่ “HABITAT” – “THE ASTRA” ในเชียงใหม่รวม 2 โครงการ ภายในไตรมาส 4/2568 มูลค่ารวม 1,945 ล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน เชื่อโอกาสตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่ยังมีอีกมาก ทั้งนี้ได้วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 2,595 ล้านบาท
นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2568 ไว้ที่ 2,218 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 60% จากปีก่อน เนื่องจากปัจจุบันมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ที่ 1,763 ล้านบาท จากโครงการอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 27 โครงการ จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568-2569
ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ปีนี้ไว้ที่ 2,414 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมกราคม เพียงเดือนเดียวก็สามารถทำได้เกินกว่าเป้าหมายยอดขายที่วางไว้ราว 580 ล้านบาท ทั้งไตรมาส 1/2568 แล้ว จากการขายโครงการที่อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 27 โครงการ มีมูลค่ารวกว่า 4,551 ล้านบาท
นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า สำหรับแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,945 ล้านบาท เป็นโครงการในพื้นที่เชียงใหม่ทั้ง 2 โครงการ ประกอบด้วย
1.โครงการแนวราบ HABITAT เป็นบ้านหรูสไตล์ Neo Classic มูลค่าโครงการ 568 ล้านบาท จะเปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568
2.โครงการคอนโดมิเนียม THE ASTRA เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี บนทำเลศักยภาพ มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท จะเปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเปิดให้บริการโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ THE BACKYARD ขนาด 4,000 ตารางเมตร (พื้นขาย 2,600 ตารางเตร) มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท เป็นศูนย์กลางใหม่แห่งการช้อปปิ้งและการพักผ่อนครบวงจร ซึ่งภายในโครงการประกอบด้วยพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์สุขภาพ และพื้นที่การศึกษาบนอาคาร 2 ชั้น จะพร้อมให้บริการภายในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะสร้างรายได้ประาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี
บริษัทฯ วางงบประมาณลงทุนปี 2568 ไว้ที่ 2,595 ล้านบาท แบ่งเป็น งบสำหรับลงทุนซื้อที่ดินในจ.เชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 500 ล้านบาท, งบรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ จำนวน 1,469 ล้านบาท และงบปรับปรุงการดำเนินงาน การก่อสร้าง ให้สอดรับต่อการดำเนินการด้าน ESG จำนวน 626 ล้านบาท
นายอรรคเดช กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ยังสามารถขยายตัวต่อได้ ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเมือง การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถเช่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยระยะยาว เป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า และชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่มากขึ้น
ORN ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความท้าทาย และสร้างโอกาสในตลาดที่เปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นพัฒนาบ้านและคอนโดฯ ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ การให้ความสำคัญด้านการออกแบบพื้นที่สอดคล้องกับทุกไลฟ์สไตล์และความปลอดภัยด้านสุขภาพ พัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงกลยุทธ์การตลาดส่งเสริมการขายอย่างเข้มข้น และการบริการหลังการขาย อีกทั้งให้ความสำคัญกับกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยผสานแนวคิดด้าน ESG ในการกำหนดนโยบายแนวทางการดำเนินงาน รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาฯแนวราบ-แนวสูงทุกโครงการ ช่วยเพิ่มโอกาสทางการขาย
ทั้งนี้ โครงการแนวราบ-แนวสูงกลุ่มราคาระดับกลาง-บน ยังคงมีความต้องการจากลุ่มลูกค้าชาวไทยต่างชาติ แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่จะเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่ ORN มั่นใจในศักยภาพการแข่งขัน ด้วยคุณภาพของโครงการที่ตอบโจทย์ด้านการออกแบบให้รองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างลงตัว พิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน ควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน การกำหนดราคาที่เหมาะสม-คุ้มค่า เพื่อส่งมอบโครงการคุณภาพบนทำเลศักยภาพแก่ลูกค้า
“เรายอมรับว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ค่อนแข่งขันกันดุเดือด เน้นโอนกรรมสิทธิ์เร็ว เพื่อเอาสภาพคล่องกลับมา เราจึงอยากขอดูสถานการณ์ไปก่อน ไม่เร่งรีบเปิดโครงการใหม่ในจำนวนที่มาก แต่เน้นขายสินค้าที่มีอยู่เดิม เพื่อดึงสภาพคล่องกลับมาก่อน อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ดีขึ้นเราก็มีความพร้อมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ทันที โดยปัจจุบันเรามีที่ดินสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในเมืองแล้วจำนวน 4 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ”นายอรรคเดช กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand โรงเรียนสัญชาติอังกฤษแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันการก่อสร้างเฟสแรกแล้วเสร็จ ประกอบด้วย อาคารอำนวยการ และอาคารเรียนชั้นปฐมวัย และขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 4 อาคาร ในเฟสที่ 2 โดยมีงบปนะมาณการลงทุนรวม 670 ล้านบาท และมีกำหนดเปิดทำการในเดือนกันยายน 2568 เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล-Year 6 โดยจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป
คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 1-2% ของรายได้รวม แต่ในปี 2569 สัดส่วนรายได้จะเพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม ตามการตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักเรียนเป็น 300 คน (จากปีนี้ที่มีนักเรียน 77 คน) ซึ่งค่าเทอมจะอยู่ที่ 400,000-700,000 บาทต่อคนต่อปี (เฉลี่ย 500,000 บาทต่อปีต่อคน)