หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) คงคำแนะนำ BUY “KTC” และคงราคาเป้าหมายปี 2025 (TP25F) ที่ 55 บาท โดยเราชอบ KTC เนื่องจากมีปัจจัยหนุนสำคัญ ได้แก่ (i) คาดว่ามาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะช่วยลดปัญหาการตกชั้นของลูกหนี้ (ii) บริษัทได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง (iii) จุดแข็งของบริษัทอยู่ที่โครงสร้างงบดุลที่แข็งแกร่ง และ (iv) คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2025 จะสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปี 2024
สำหรับกำไรสุทธิไตรมาสที่ 1 ปี 2025 (1Q25F) เราคาดว่าจะอยู่ที่ 1,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% y-y และ 2% q-q ปัจจัยหนุนหลักมาจากรายได้รวมที่เติบโตขึ้นจาก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM), รายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ และหนี้สูญรับคืน ในขณะที่ค่าใช้จ่ายปรับตัวลดลง โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล และค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่บริหารได้ดี ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) คาดว่าจะอยู่ที่ 2.00% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า (4Q24)
เราคาดว่า KTC จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาสที่ 1 ปี 2025 (1Q25F) ที่ 1,920 ล้านบาท ในวันที่ 18 เมษายน 2025 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ (i) รายได้ดอกเบี้ย (NII) เพิ่มขึ้น 4% y-y และ 1% q-q เนื่องจาก NIM ปรับตัวขึ้นเป็น 13.6% จาก 13.2% ใน 1Q24 และ 13.5% ใน 4Q24 ซึ่งได้รับอานิสงส์จากสัดส่วนสินเชื่อบุคคลที่เพิ่มขึ้น (ii) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 2% y-y จากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการและหนี้สูญรับคืน (iii) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ลดลง 3% q-q ตามปัจจัยฤดูกาล และ (iv) ค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง 3% q-q จากคุณภาพสินทรัพย์ที่บริหารได้ดี ซึ่งส่งผลให้หนี้เสียขั้นต้น (Gross NPL) ลดลง 2% q-q และทำให้อัตราส่วน NPL Ratio อยู่ที่ 2.00% ใกล้เคียงกับ 1.95% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 (4Q24)
สำหรับสินเชื่อรวม คาดว่าจะลดลง 5% q-q และ 5% YTD โดยหลักมาจากสินเชื่อบัตรเครดิต เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลที่ทำให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในไตรมาสที่ 4 ของทุกปีอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นรูปแบบปกติของธุรกิจ
สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2025 (2Q25F) เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปี (y-y) แต่จะทรงตัวเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส (q-q) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของรายได้รวม ทั้งจากสินเชื่อรวม, NIM, รายได้ค่าธรรมเนียม-บริการ และหนี้สูญรับคืน รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ที่ลดลง
เรายังคงคำแนะนำ BUY และคงเป้าหมายราคา (TP25F) ที่ 55 บาท โดยเรามองว่า KTC มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับมาตรการของ ธปท. และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่คาดว่าจะช่วยลดปัญหาการตกชั้นของลูกหนี้ อีกทั้งบริษัทยังได้รับประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง และมีโครงสร้างงบดุลที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2025 สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ต่อจากปี 2024 ได้