หุ้นวิชั่น – GULF ยืนยันมาตรการจัดเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% เริ่ม 1 ม.ค. 2568 กระทบต่อกำไรไม่เกิน 2% ส่วนผลกระทบรายได้น้อยกว่า 0.5% ติดตามมาตรการช่วยเหลือภาครัฐ ในสิทธิประโยชน์การผลิตไฟฟ้าสะอาด-ดาต้าเซ็นเตอร์ โบรกมอง หากรัฐสนับสนุนเงินคืน ลดผลกระทบ แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S Curve อาทิ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยถึงกรณีที่ประเทศไทยจะเริ่มจัดเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% ตามกติกา Global Minimum Tax (GMT) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ว่า บริษัทได้รับผลกระทบบ้างจากมาตรการดังกล่าว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมที่คาดการณ์ในปี 2568 ผลกระทบนี้จะอยู่ในระดับเล็กน้อย หากคิดจากรายได้คาดว่าจะไม่เกิน 0.5% ของรายได้รวม ส่วนผลกระทบจากกำไรไม่เกิน 2% ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับผลกระทบการด้วย
อย่างไรก็ตาม GULF ยังต้องติดตามแนวทางจากภาครัฐว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อชดเชยผลกระทบหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้าสะอาดและการพัฒนาโครงการศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญและสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (KSS) อธิบดีกรมสรรพากรเผยว่า ไทยประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ15% เริ่มมีผล 1 ม.ค.2025 เป็นบริษัทที่มีรายได้รวม > 750 ล้านยูโรต่อปี KSS ประเมินหุ้นกลุ่มที่เข้าข่ายคาดจะได้รับผลกระทบ อาทิ 1. กลุ่มส่งออกอาหาร คือ TU (Effective tax rate 7-8%) ส่วน ที่คาดจะกระทบคือ บริษัทในเครือที่อยู่ในไทยราว 35% ที่ได้รับ BOI โดยรวมคาดกระทบต่อประมาณการกำไรปกติปี2025F จำกัดในกรอบ 3-8% 2.) ชิ้นส่วนคือ DELTA (Effective tax rate 5.5%) คาดกระทบต่อประมาณการกำไรปี2025 F มีdownside risk ราว 12% ในกรณีที่ effective tax rate เพิ่มสู่ 15% 3.) กลุ่มโรงไฟฟ้า บางส่วนปัจจุบัน Effective Tax Rate อยู่ราว 5-10% หากนับเฉพาะผลกระทบภาษีคาดกำไรสุทธิจะกระทบอยู่ระหว่าง 5-10%
ทั้งนี้ในส่วนรายละเอียดรายตัว คาดมีช่องทางบริหารจัดการได้ GULF จากการลงทุน ตปท. ของบริษัท มองฐานรายได้และกำไรที่เติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจหลักและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ New Co จะทำให้ผลกระทบ จำกัดและบริหารจัดการภาษีภายในได้ BGRIM มีลงทุนต่างประเทศ และเป็นการ Conso คาดกระทบ ส่วนหุ้นโรงไฟฟ้าที่กระทบน้อย คือ GPSC ส่วนมากรับรู้เป็น equity income ส่วน RATCH และ EGCO กระทบน้อยจากฐานภาษีสูงใกล้เคียง 15% 4.) กลุ่ม Packaging SCGP มีธุรกิจที่เวียดนาม (14% ของรายได้) ที่อาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติม แต่มองผลกระทบต่อภาพรวมจำกัด ประเมินเป็นจิตวิทยาลบอ่อนๆ
กลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินหุ้นที่มีความเสี่ยงกระทบ ส่วนใหญ่ทยอยปรับตัวลงสะท้อนตั้งแต่ต้น – กลางเดือน ธ.ค. 24 แต่หากอิงโอกาสที่รัฐฯน่าจะต้องหาช่องทางสนับสนุนเงินคืนเพื่อลดผลกระทบรวมถึงการบริหารภาษีภายในบริษัทต่างๆ คาดผลกระทบจะจำกัดกว่าที่ประเมินข้างต้น เชิงกลยุทธ์ แนะนำตั้งรับหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น New S Curve ของไทยระยะถัดไป อาทิ โรงไฟฟ้า ที่อยู่ในธีม Infra Tech เน้น GULF GPSC
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างกฎหมายจัดเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ 15% ตามเกณฑ์ Global Minimum Tax (GMT)ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงกฎหมายภาษีนิติบุคคลของไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในกว่า 100 ประเทศที่เข้าร่วมกติกาดังกล่าว เริ่มมีผล 1 ม.ค.2025
ความสำคัญของ Global Minimum Tax (GMT) นั้น GMT เป็นหลักการภาษีระดับโลกที่มุ่งเน้นสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันระหว่างประเทศ โดยกำหนดให้บริษัทข้ามชาติที่มีรายได้รวมมากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี (ประมาณ 26,000 ล้านบาท) ต้องชำระภาษีขั้นต่ำ 15% ไม่ว่าบริษัทจะตั้งอยู่ในประเทศใดก็ตาม เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีผ่านการย้ายฐานไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ
สำหรับประเทศไทย มาตรการ GMT จะช่วยลดช่องว่างทางภาษี โดยเฉพาะบริษัทที่ได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งในบางกรณีทำให้อัตราภาษีที่แท้จริงต่ำกว่า 15% การออกกฎหมายนี้จะช่วยให้ไทยสามารถเก็บภาษีส่วนต่างเพิ่มได้ ส่งเสริมความเป็นธรรมและเพิ่มรายได้ให้แก่รัฐ
รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว