หุ้นวิชั่น – GULF ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์โตแรง ดีมานด์ดีต่อเนื่อง เปิดเฟสแรก 25 MW ที่สมุทรปราการ เม.ย. นี้ พร้อมล่าสุด BOI อนุมัติอีก โครงการขนาด 35 MW เงินลงทุนกว่า 1.34 หมื่นล้านบาท เดินหน้าขยายสู่ ถึง 100-200 เมกะวัตต์ ใน 3-5 ปี ส่วนการควบรวม INTUCH จะหยุดพักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. 68 – 2 เม.ย. 68 จะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “GULF” ในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.68 เป็นต้นไป
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า GULF เดินหน้าธุรกิจศูนย์ข้อมูล (data center) มีแผนที่จะทยอยเปิดให้บริการเฟสแรกขนาด 25 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่สมุทรปราการ ในเดือนเมษายนปีนี้ นอกจากนี้ล่าสุด มคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนโครงการ Data Center 3 โครงการจากประเทศไทย จีน และสิงคโปร์ ได้แก่ บริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 02 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม Gulf, Singapore Telecommunications และ AIS เงินลงทุน 13,480 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี , บริษัท Beijing Haoyang Cloud Data Technology จากประเทศจีน เงินลงทุน 72,670 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง และบริษัทในเครือ Empyrion Digital จากประเทศสิงคโปร์ เงินลงทุน 4,720 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
โดยบริษัท จีเอสเอ ดาต้า เซนเตอร์ 02 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่ม Gulf, Singapore Telecommunications และ AIS เงินลงทุน 13,480 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เป็นโครงการร่วมทุนของบริษัท ขนาด 35 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนา คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปลายปี 2026 ซึ่งบริษัทเชื่อว่าธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ จะเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจว่าธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์จะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลในประเทศไทย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) และการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งในภาคเอกชนและภาครัฐ โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายขนาดการให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 100-200 เมกะวัตต์ ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการประมวลผลข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 20-25% โดยโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของบริษัทฯ จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ในปีนี้
สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนายังคงเป็นไปตามแผน โดยโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2568 ขณะที่สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2569 ในส่วนของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ณ ปัจจุบัน ได้ดำเนินการถมทะเลเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG terminal) ในช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มีกำหนดรับมอบพื้นที่จากการท่าเรือแห่งประเทศไทยเพื่อเริ่มก่อสร้างท่าเทียบเรือในช่วงปลายปี 2568
ส่วนการควบบริษัทระหว่างบริษัทฯ และ INTUCH โดย GULF จะหยุดพักการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ เป็นระยะเวลา 9 วันทำการ ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 2 เมษายน 2568
ภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้นร่วมและการจดทะเบียนการควบบริษัทแล้วเสร็จ บริษัทฯ และ INTUCH จะสิ้นสภาพจากการเป็นนิติบุคคล และเกิดเป็นบริษัทมหาชนจำกัดขึ้นใหม่ (“NewCo”) โดย NewCo จะยื่นคำขอต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รับหุ้นของ NewCo เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนที่หุ้นของบริษัทฯ และ INTUCH ซึ่งจะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย NewCo จะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์คือ GULF ในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าว
ดังนั้น เพื่อให้ NewCo สามารถใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “GULF” ได้ บริษัทฯ จึงขอแจ้งการเปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ในระหว่างหยุดพักการซื้อขายคือตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2568 – 2 เมษายน 2568 เป็น GULFI และ NewCo จะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “GULF” ในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
รายงานโดย : ณัฏฐ์ชญา ปุริมปรัชญ์ภัทร บรรณาธิการข่าว Hoonvision