ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

CPALL สะดวกซื้อ-สะดวกโต! รับแรงหนุนรัฐฯ เป้า 54 บาท

                  หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงแรง เข้าสู่โหมด Risk-off โดยดัชนีดาวโจนส์ -3.98% (-1,679 จุด), S&P500 -4.84%, Nasdaq -5.97%, STOXX600 -2.57% ขณะที่ดัชนีความผันผวน VIX Index ปรับขึ้นแตะระดับ 30.02 (+39.56%) นักลงทุนหันไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) ปรับตัวลดลง และ Dollar Index อ่อนค่าลง จากความกังวลเกี่ยวกับการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เมษายน และภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล (Universal Tariff) ที่จะบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน ขณะที่จีน (ถูกเรียกเก็บภาษี 34%) และยุโรป (ถูกเรียกเก็บภาษี 20%) ต่างเตรียมออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกัน

                  สำหรับราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวลดลง -6% หลังจากกลุ่ม OPEC มีมติเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 411,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากแผนการเบื้องต้นที่ระดับ 135,000 บาร์เรล/วัน ทั้งนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลว่า มาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหม่ของสหรัฐฯ จะนำไปสู่สงครามการค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก โดยในเชิง Sentiment ถือเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน น้ำมัน และปิโตรเคมี แต่ถือเป็นบวกต่อกลุ่ม Anti-commodity ซึ่งเราชอบหุ้นกลุ่ม SCC, SCGP, CBG, BA, AAV และ BAFS

                  ด้านข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.4 ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2568 จากระดับ 51.0 ในเดือนกุมภาพันธ์ สาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน แม้ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจจะปรับตัวลดลง ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ลดลง 6.1% สู่ระดับ 122.7 พันล้านดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์

ปัจจัยในประเทศ:

(-) เศรษฐกิจไทยเสี่ยงชะลอตัว
(0) ติดตามเงินเฟ้อไทย

                  ประเมินว่า SET Index จะแกว่งตัวในลักษณะ Sideway down ในกรอบ 1,150–1,172 จุด โดยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนตลาด นักลงทุนยังคงต้องติดตามว่าประเทศไทยจะมีการเจรจาเพื่อไกล่เกลี่ยหรือลดความตึงเครียดกับต่างประเทศได้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งในระดับภูมิภาคเองก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน

                    แนะนำให้จับตาวันที่ 9 เมษายน ว่าจะมีการบังคับใช้มาตรการตามที่สหรัฐฯ กำหนดไว้หรือไม่ หรือจะสามารถเจรจาเพื่อเลื่อนออกไปได้ เพราะหากสามารถชะลอการใช้มาตรการได้ จะช่วยลดแรงกดดันจากประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาไม่เป็นผล หรือมีมาตรการตอบโต้กลับจากอีกฝ่าย จะยิ่งทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น

คืนนี้ติดตาม: ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมีนาคมของสหรัฐฯ โดยตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 139,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ที่เพิ่มขึ้น 151,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนมีนาคม นอกจากนี้ยังต้องติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ด้วย

สัปดาห์หน้าติดตาม: ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคม และการบังคับใช้มาตรการภาษีของทรัมป์

  • Stock Pick: CPALL ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 54 บาท

                  CPALL รายงานกำไรสุทธิ 7.2 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2567 (+31% YoY, +29% QoQ) ได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS), ธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีก แม้ว่าจะต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดเล็กน้อย เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายรวมจาก CPAXT จำนวน 268 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม รายได้รวมยังเติบโต 7% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายสาขาเดิมที่เพิ่มขึ้น +4.2% และการขยายสาขา +5% YoY โดยในปีที่ผ่านมา CPALL เปิดสาขาใหม่ 182 แห่งในประเทศไทย และขยายธุรกิจไปยังประเทศกัมพูชาและลาว รวมถึงการเปิดศูนย์กระจายสินค้าสำหรับแม็คโครเพิ่มขึ้น

                  อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจ CVS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 bps อยู่ที่ระดับ 27.6% จากการเติบโตของกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ต้นทุน SG&A ต่อยอดขายเพิ่มขึ้น 40 bps ตามการขยายสาขาและค่าจ้างแรงงาน อย่างไรก็ตาม CPALL ยังคงสามารถบริหารต้นทุนได้ดี และคาดว่าการเติบโตของยอดขายและอัตรากำไรจะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการในปี 2568

                  แนวโน้มในไตรมาส 1/2568 คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ทั้งโครงการ Easy e-Receipt และ Digital Wallet ขณะเดียวกันราคาหุ้นในปัจจุบันเทรดที่ PE เพียง 16 เท่า เข้าสู่ระดับที่น่าสนใจ โดยก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวลงมาประมาณ 10% YTD จากปัจจัยลบเรื่องไม่เข้าร่วมลงทุนในกิจการ Seven & i

ทั้งนี้ Bloomberg ประเมินกำไรสุทธิปี 2568-2569 (ปีงบประมาณ 2025-2026F) อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท (+10.6% YoY) และ 31,600 ล้านบาท (+12.6% YoY) ตามลำดับ โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 74.82 บาท

แนวรับสำคัญอยู่ที่ 50.25 / 49.25 บาท ซึ่งไม่ควรหลุดต่ำกว่าระดับนี้ ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 52.00 / 54.00 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

[Vision Exclusive] ผ่าความจริง AMATA ย้ำเป้ายอดขาย

[Vision Exclusive] ผ่าความจริง AMATA ย้ำเป้ายอดขาย

[Vision Exclusive] หุ้นไทยมีแววพักฐาน WHA สัญญานดีดคืน

[Vision Exclusive] หุ้นไทยมีแววพักฐาน WHA สัญญานดีดคืน

[Vision Exclusive] SNNP ติดลมบน! ทะยานเข้า SET100

[Vision Exclusive] SNNP ติดลมบน! ทะยานเข้า SET100

เปิดโผหุ้น Yield  สูง 5% 16 หลักทรัพย์ท็อปฟอร์ม

เปิดโผหุ้น Yield สูง 5% 16 หลักทรัพย์ท็อปฟอร์ม

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด