หุ้นวิชั่น – CPALL โชว์ผลงานปี 2567 แข็งแกร่ง รายได้รวมพุ่ง 987,794 ล้านบาท เติบโต 7.2% ขณะที่กำไรสุทธิพุ่ง 37.1% แตะ 25,346 ล้านบาท จากการขยายตัวของธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven และช่องทางออนไลน์ ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ในไทยอีก 700 แห่ง พร้อมบุกกัมพูชา-ลาว เดินหน้าลงทุน 1.2-1.36 หมื่นล้านบาท มุ่งพัฒนาสินค้าอาหาร-เครื่องดื่ม และเร่งโตกลยุทธ์ O2O หนุนยอดขายออนไลน์โตต่อเนื่อง พร้อมอนุมัติปันผล 1.35 บาทต่อหุ้น
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL หรือ บริษัทฯ) ใคร่ขอรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2567 โดยฐานะการเงินและผลการดำเนินงานตามงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มาจากธุรกิจหลัก ได้แก่ (1) ธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ (2) ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า และ (3) ธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป ธุรกิจตัวแทนรับชำระค่าสินค้าและบริการ และธุรกิจจำหน่ายและซ่อมแซมอุปกรณ์ค้าปลีก
บริษัทฯ มีรายได้รวม 987,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.2 และกำไรสุทธิ 25,346 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 37.1 จากปีก่อน ตามลำดับ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากผลประกอบการที่ปรับตัวดีขึ้นทุกหน่วยธุรกิจ อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศที่ยังคงขยายตัว
ด้านการเติบโตของธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อภายใต้เครือข่ายร้านสาขา 7-Eleven บริษัทฯ บรรลุแผนขยายสาขาและมุ่งเน้นการส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้าภายใต้สโลแกน “All Convenience” ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างช่องทาง Online และ Offline โดย ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศรวม 15,245 สาขา เพิ่มขึ้น 700 สาขา จากปีก่อน พร้อมทั้งขยายช่องทางการขายและบริการบน แอปพลิเคชัน 7App ที่รองรับ 7Delivery และ All Online เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า
บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายร้านสาขาในทำเลที่ดี รวมไปถึงการขยายร้านสาขาและพัฒนาร้านสาขาให้มีความแตกต่าง สะท้อนความต้องการของลูกค้าที่ไม่เหมือนกันในแต่ละพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในทุกชุมชน ทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ในรูปแบบของร้านบริษัท ร้าน Store Business Partner (SBP) และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต รวมถึงการพัฒนาร้านในสถานีบริการน้ำมันและร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ (Standalone)
ในระหว่างปี 2567 ธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อได้มีการขยายสาขา 7-Eleven ทั้งร้านบริษัท ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต รวมทั้งสิ้น 700 สาขาในไทย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย (เป้าหมายสำหรับปี 2567 คือ 700 สาขา) ดังนั้น ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 15,245 สาขา แบ่งเป็น ร้านบริษัท 7,743 สาขา (ร้อยละ 51) เพิ่มขึ้น 407 สาขา ร้าน SBP 6,594 สาขา (ร้อยละ 43) เพิ่มขึ้น 259 สาขา และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 908 สาขา (ร้อยละ 6) เพิ่มขึ้น 34 สาขา
สำหรับการดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อในต่างประเทศ ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขยายสาขา 7-Eleven ในกัมพูชาเพิ่มขึ้น 30 สาขา และใน สปป.ลาวเพิ่มขึ้น 7 สาขา ทำให้มีสาขา 7-Eleven ที่เปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 112 สาขาในกัมพูชา และ 10 สาขาใน สปป.ลาว
ในด้านของผลิตภัณฑ์และการบริการ บริษัทฯ มุ่งพัฒนาไปสู่การเป็น ร้านอิ่มสะดวกเต็มรูปแบบ โดยให้ความสำคัญกับการปรับตัวตามความต้องการของลูกค้า มีการพัฒนาสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมเพิ่มเมนูสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำผลผลิตตรงจากเกษตรกรไทย ทั้งผัก ผลไม้สด และสินค้าเกษตรแปรรูปมาจำหน่ายผ่านร้าน 7-Eleven และช่องทางออนไลน์ ตามยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า และมีโภชนาการที่ดีในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ในปี 2567 สัดส่วนของรายได้จากการขาย ร้อยละ 76.0 มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และร้อยละ 24.0 มาจากสินค้าอุปโภค โดยสัดส่วนรายได้ในกลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมีการออกสินค้าใหม่ควบคู่กับโปรโมชั่นของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งสามารถดึงดูดลูกค้าได้เพิ่มขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สะท้อนให้เห็นว่า ร้าน 7-Eleven เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งในใจลูกค้าเมื่อนึกถึงอาหารและเครื่องดื่ม ตามสโลแกน “หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” และ “หิวเมื่อไหร่ก็สั่งเลย” ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกที่ และทุกเวลา
ในปี 2567 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการรวม 439,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 40,229 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10.1 ในขณะที่ ยอดขายเฉลี่ยของร้านเดิมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 โดยมียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันอยู่ที่ 83,906 บาท และมียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณ 85 บาท ขณะที่จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ยอยู่ที่ 978 คน
ในปีที่ผ่านมา กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ประกอบกับจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ธุรกิจร้านสะดวกซื้อจึงได้ปรับแผนกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ด้วยการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ควบคู่กับโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้จากการขายสินค้าผ่านกลยุทธ์ O2O (Online to Offline) เช่น 7Delivery และ All Online ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ โดยมีสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 11 ของรายได้จากการขายสินค้ารวมในปีที่ผ่านมา
เป้าหมายการขยายสาขา
บริษัทฯ วางแผนที่จะพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการทั้งแพลตฟอร์ม ออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งรวมถึงการขยายเครือข่ายร้านสาขาอย่างต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของชุมชน โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แหล่งท่องเที่ยว และทำเลที่มีศักยภาพอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและเข้าถึงความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
บริษัทฯ วางแผนที่จะลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 700 สาขาในปี 2568 และมีเป้าหมายที่จะเปิดร้านใหม่เพิ่มเติมในประเทศ กัมพูชา และ สปป.ลาว ในปี 2568 อีกด้วย
ประมาณการรายได้จากการขายและบริการ
อัตราการเติบโตของรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของยอดขายจากร้านสาขาใหม่ และยอดขายเฉลี่ยของร้านเดิม รวมถึงยอดขายจากช่องทางอื่นๆ เช่น 7Delivery และ All Online ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ เป็นต้น
ประมาณการอัตรากำไรขั้นต้น
บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายอัตรากำไรขั้นต้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเน้นการพัฒนาระบบในการคัดสรรสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น และผลักดันให้มีสัดส่วนของสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูงเพิ่มขึ้น ทั้งจาก สินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภค
ประมาณการงบลงทุน
บริษัทฯ คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 – 13,600 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้:
-
- รายการ งบลงทุน (ล้านบาท)
- การเปิดร้านสาขาใหม่ 3,800 – 4,600
- การปรับปรุงร้านเดิม 2,900 – 3,500
- โครงการใหม่, บริษัทย่อย และศูนย์กระจายสินค้า 4,000 – 4,100
- สินทรัพย์ถาวร และระบบสารสนเทศ 1,300 – 1,400
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 1.35 บาทต่อหุ้น กำหนด วันที่จ่ายปันผล : 23 พ.ค. 2568 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) : 06 พ.ค. 2568