หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.เคจีไอ ระบุว่า BTS จัดประชุมเมื่อวานนี้เพื่อชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัท และแนวโน้มของธุรกิจ โดยมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจดังนี้
หนี้ค้างรับที่เกี่ยวข้องกับ กทม. หลังจากที่ศาลตัดสินให้ BTS ชนะ 2 คดีเกี่ยวกับหนี้ค้างรับของ กทม. และ กรุงเทพธนาคม ซึ่งมีมูลหนี้ 2.3 หมื่นล้านบาท (งาน E&M) และ 1.175 หมื่นล้านบาท (งาน O&M) จากการจ้างให้ BTS เดินรถไฟฟ้า และซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งสองส่วน ทั้งนี้ บริษัทได้รับชำระเงิน 2.3 หมื่นล้านบาทเรียบร้อยแล้วในเดือนมีนาคม 2567 โดยในปัจจุบัน ยังมีหนี้ค้างชำระจากคดีที่ค้างอยู่อีกประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่า กทม. จะชำระภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ BTS มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปใช้ลดหนี้และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลงอีก
แผนกำหนดเพดานค่าตั๋วที่ 20 บาท/เที่ยว นโยบายรัฐบาลมีกำหนดการเริ่มใช้เพดานราคาตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าทุกสายในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ 20 บาท/เที่ยวภายในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งผู้บริหารแจ้งว่าการเจรจารอบล่าสุดกับกระทรวงการคลังยังไม่ได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ารัฐบาลจะให้การอุดหนุนในช่วงแรก หลังจากนั้น รัฐบาลอาจจะซื้อคืนรถไฟฟ้าทุกสายและจ้างบริษัทที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้ดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม เราเป็นห่วงว่าแผนการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 3 แสนล้านบาท เพื่อให้นโยบายนี้เกิดขึ้นได้อาจจะไม่เพียงพอในระยะยาว ถ้าหากจำนวนผู้โดยสารมาใช้บริการรถไฟฟ้าสูงกว่าที่คาด
Rabbit Holdings (RABBIT) จะแข็งแกร่งขึ้น ก่อนหน้านี้ RABBIT ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากบริการทางการเงินเป็น >50% ในอีกสามปีข้างหน้า จากในอดีตที่ประมาณ 30% ของรายได้รวม (โดยอีก 70% มาจากอสังหาริมทรัพย์) ทั้งนี้ ผู้บริหารจะขายสินทรัพย์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บางส่วนออกไปในปีนี้ ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกกับบริษัท และจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีกำไร
ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี FY68/69 (เมษายน 2568-มีนาคม 2569)
เมื่อพิจารณาพัฒนาการด้านบวกในประเด็นหนี้ค้างจ่ายของ กทม. แล้ว เราปรับมูลค่าเหมาะสมโดยอิงการได้รับชำระหนี้จาก กทม. โดยปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย SOTP ใหม่สำหรับปี FY68/69 ที่ 6.30 บาท
เรายังคงคำแนะนำถือ BTS โดยขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย SOTP ปี 2569 (เมษายน 2568-มีนาคม 2569) ที่ 6.30 บาท (จากเดิมราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 5.60 บาท)