หุ้นวิชั่น – BLC ดึง AI ดิจิทัลอีคอมเมิร์ซรุกการตลาด คาด “BKD Viva” จุดชนวน New S-Curve หนุนธุรกิจโตอย่างยั่งยืน ด้านบิ๊กบอส “สุวิทย์ งามภูพันธ์” เผยกลยุทธ์ O2O เสริมแกร่งช่องทางขายทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ชี้ฐานการเติบโตแกร่ง ปี 67 รายได้โต 10.7% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ระดับ 6%
ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ยาสามัญ ยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2568 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยในปี 2567 บริษัทมีรายได้เติบโต 10.7% หรือคิดเป็น 1,578.99 ล้านบาท สูงกว่าอุตสาหกรรมที่เติบโตเฉลี่ย 6% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 171.35 ล้านบาท
จุดเด่นของ BLC คือการมีโรงงานผลิตยาของตนเอง พร้อมทีมฝ่ายขายที่ครอบคลุมตลาดผ่านบริษัทในเครือ 6 แห่ง ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว BKD Viva เพื่อใช้เทคโนโลยี AI และกลยุทธ์การตลาด (Marketing) ในการขยายตลาดในประเทศผ่านช่องทางร้านขายยาและโรงพยาบาล
สำหรับแผนธุรกิจปี 2568-2573 บริษัทให้ความสำคัญกับการผลิตและจำหน่ายยาสำหรับโรคอัลไซเมอร์ หัวใจ หลอดเลือด เบาหวาน และกระดูกข้อ รวมถึงการเปิดตัวยาใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและแนวโน้ม New S-Curve โดยเน้นคัดเลือกยาที่มีศักยภาพสูง
ด้านกลยุทธ์ขยายตลาดต่างประเทศ BLC เตรียมรุกเข้าสู่ระบบกระจายสินค้าผ่านการหาพันธมิตรใหม่ และวางแผนทำตลาดร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตในระยะยาว และเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจในระดับสากล
บริษัทเชื่อว่า “BKD Viva” จะเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ (New S-Curve) โดยนำ AI มาใช้เป็นกลยุทธ์หลัก พร้อมผลักดัน ดิจิทัลอีคอมเมิร์ซ เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม Shopee และ TikTok Shop นอกจากนี้ ยังนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลการขายและแนวโน้มตลาดในอนาคต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
สำหรับปี 2568 บริษัทมีแผนเชื่อมต่อช่องทาง ออฟไลน์และออนไลน์ (O2O) โดยเตรียมออกบูธตามโรงพยาบาลประมาณ 10 บูธ เพื่อขยายฐานลูกค้า และสร้างประสบการณ์การขายแบบครบวงจร ทั้งช่องทางดิจิทัลและการตลาดแบบดั้งเดิม
และคาดว่า “BKD Viva” จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนและเร่งการเติบโตของบริษัท โดยการนำเทคโนโลยี AI และกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งเข้ามาช่วยปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้มองการเติบโตในธุรกิจยาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองไปยังโอกาสการขยายตลาดในกลุ่ม อาหารเสริม และการพัฒนา โปรดักส์ใหม่ โดยจะใช้ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เพื่อสนับสนุนทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การขายให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในอนาคต