ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

BGRIM ปักเป้ารายได้ปี 68 โต 15% ทุ่มงบ 1.2 หมื่นลบ. เจรจาดีล M&A ต่างประเทศ

          หุ้นวิชั่น – BGRIM ปักหมุดรายได้ปี 2568 โต 10-15% รับรู้รายได้จากโครงการพลังงานลมในพอร์ต เดินหน้าโครงการพลังงานทดแทน 605 เมกะวัตต์ ตั้งงบลงทุน 10,000-12,000 ล้านบาท พร้อมหา Strategic Partner ลด D/E และปิดดีล M&A 1-2 ดีลในปีนี้ เน้นขยายการลงทุนพลังงานทดแทนในต่างประเทศ

          นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร งานการเงินและบัญชี บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า สำหรับปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโต 10-15% โดยจะมารับรู้รายได้โครงการใหม่ๆ ที่เข้ามาสบับสนุน ทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการพลังงานลมที่ประเทศเกาหลีเป็นต้น

          อีกทั้งยังมี โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะ COD ในช่วงปีนี้ ถึงต้นปีหน้า กำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 605 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KOPOS 20 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา 18 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “อินทรี บี.กริม” ในประเทศไทย 80 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อ รับเบอร์” ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 35 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “386” ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และราชอาณาจักรบาห์เรน 27.5 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง “Nakwol” ในสาธารณรัฐเกาหลี 365 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ARECO” ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 65 เมกะวัตต์

          อีกทั้งปีนี้ คาดว่าจะเห็นการเซ็นสัญญาพร้อมตั้งเป้าเพิ่มลูกค้า IUs รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 40-50 เมกะวัตต์ โดยในส่วนนี้จะมีลูกค้าทีเป็นกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ ด้วย ซึ่งธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เป็นอีกกลยุทธ์ที่บริษัทให้ความสำคัญ เพราะนอกเหนือจากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้ากลุ่มนี้ บริษัทยังเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรในการเข้าไปลงทุนทำดาต้าเซ็นเตอร์ด้วย ปัจจุบันมีความคืบหน้าเป็นที่น่าพอใจ แต่การสร้างใช้ระยะเวลา 1-2 ปีในการก่อสร้างและ รายได้จะเข้ามาหลังจากการเปิดดำเนินการ

          พร้อมกันนี้ยังคาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับ SPP อยู่ที่ 320-350 บาทต่อล้าน BTU ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี 2567 ที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 324 บาทต่อล้าน BTU โดยวางแผนนำเข้า LNG ไม่เกิน 5 ลำ เพื่อนำเข้าสู่ระบบ Pool Gas และบริษัทมีการวางแผนในการบริหารลดความเสี่ยงความผันผวนค่าก๊าซธรรมชาติ โดยได้มีความพยายามในทุกส่วน ทั้งการคุยกับภาครัฐ การชี้แจงเรื่องต่างๆ รวมไปถึงการ นำเข้า LNG ทำให้ช่วยบริหารลดต้นทุนแก๊สได้บางส่วน ในส่วนของการบริหารจัดการด้านรายได้และความสัมพันธ์กับลูกค้า บริษัทได้เริ่มเจรจากับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความต้องการใช้พลังงานสูงและต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้เตรียมแผนสำหรับการเจรจากับลูกค้าที่กำลังจะหมดอายุสัญญา เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขการซื้อขายพลังงานให้เหมาะสมกับต้นทุนและสภาวะตลาดในปัจจุบัน โดยแนวทางนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายตลาดไปสู่ลูกค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          สำหรับเงินลงทุนปี 2568 บริษัทตั้งไว้ที่ 10,000-12,000 ล้านบาท ใช้สำหรับการลงทุนโครงการในแผน เช่นโครงการที่ประเทศเกาหลี ประเทศ ฟิลิปปินส์ และโอกาสซื้อกิจการ(M&A) เป็นต้น ขณะเดียวกันก็มองแนวทางการลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) โดยอยู่ระหว่างการหาStrategic Partner คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในครึ่งปีแรก 2568 ซึ่งเชื่อว่าพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมลงทุนก็จะสามารถต่อยอดต่อไป ทั้งนี้ปีนี้คาดว่าจะสามารถปิดดีล M&A ได้ 1-2 ดีล โดยเน้นการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนในต่างประเทศ

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

OR ชู “วิชั่น” ยั่งยืนครบสูตร

OR ชู “วิชั่น” ยั่งยืนครบสูตร

JMT ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด 3,000 ลบ. ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตหนี้ 2,000 ลบ.

JMT ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด 3,000 ลบ. ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตหนี้ 2,000 ลบ.

THCOM คว้าโครงการใหญ่ NT  ควบคุมดาวเทียม ไทยคม 4 และ 6

THCOM คว้าโครงการใหญ่ NT ควบคุมดาวเทียม ไทยคม 4 และ 6

KTC ผู้ถือหุ้นไฟเขียวปันผล 1.32 บาท

KTC ผู้ถือหุ้นไฟเขียวปันผล 1.32 บาท

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด