นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ในปี 2568 จะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำมันจะโตเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือคิดเป็นประมาณ 1,210 ล้านลิตร จากปีก่อน 1,150 ล้านลิตร จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น น้ำมันเติมเรือ B24 ซึ่งจะเข้ามาหนุนปริมาณการขายให้เติบโตดีขึ้น
บริษัทฯ ยังมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันบางจากเพิ่มอีก 100 แห่ง ทำให้ปีนี้จะมีสถานีบริการน้ำมันบางจาก อยู่ราว 2,200 แห่ง จากปีก่อนอยู่ที่ 2,163 แห่ง โดยจะเน้นการขยายในพื้นที่ที่กลุ่มบางจากยังไม่ได้เปิดดำเนินการ ส่วนด้านมาร์เก็ตแชร์ปีนี้ตั้งเป้าแตะระดับ 30% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 28.8%
ด้านกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไร เชื่อว่าหากราคาน้ำมันทรงตัวและค่าการกลั่น (GRM) สามารถยืนได้ในระดับ 6 เหรียญต่อบาร์เรล ต่อเนื่องไปตลอดทั้งปี คาดว่าผลงานน่าจะดีกว่าปีก่อน
ขณะที่บริษัทฯ วางเป้าการกลั่นน้ำมัน (Crude Run) ปีนี้ไว้ที่ 280,000 บาร์เรลต่อวัน เติบโต 8% จากปีก่อนอยู่ที่ 258,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากจะไม่มีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงกลั่นพระโขนงแล้ว หลังปิดซ่อมไปปีที่ผ่านมา 30 วัน ส่งผลให้มีการกลั่นได้เต็มกำลังการกลั่น
ส่วนค่าการกลั่น (GRM) ปีนี้ดูดีขึ้น โดยผ่านมา 2 เดือนแรก มีค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 6 เหรียญต่อบาร์เรล และคาดการณ์เฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 5-6 เหรียญต่อบาร์รล จากปีก่อนเฉลี่ยที่ 4 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซฯ คาดเพิ่มเป็น 50,000 บาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนที่ 36,000 บาร์เรลต่อวัน
บริษัทฯ วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด (Green Power) จำนวน 20,000 ล้านบาท, ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ จำนวน 20,000 ล้านบาท, ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน จำนวน 4,500 ล้านบาท, ธุรกิจการตลาด จำนวน 2,900 ล้านบาท, ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ จำนวน 1,000 ล้านบาท และ ธุรกิจใหม่ จำนวน 1,600 ล้านบาท
สำหรับเงินลงทุนหลักๆ ที่อยู่ในธุรกิจธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ จะใช้รองรับการข้าซื้อกิจการ (M&A) เป็นส่วนใหญ่ แต่ธุรกิจอื่นๆ จะเป็นการลงทุนตามแผน หรือการซ่อมบำรุง
ด้านการลงทุนในพลังงานลม ที่ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 99 เมกะวัตต์ เงินลงทุนรวม 4,500 ล้านบาท ในปีนี้จะใช้เงินลงทุนราว 1,800 ล้านบาท คาดจะสามารถรับรู้เป็นรายได้และกำไรเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ส่วนการลงทุนในธุรกิจใหม่ บริษัทฯ ได้มีการประกาศเข้าลงทุนในสัดส่วน 65% ของบริษัท ไทยคาลิ ผู้ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่โปแตชในประเทศไทย มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท คาดใช้เงินลงทุนในปีนี้จำนวน 500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 434,000 ล้านตันต่อปี และคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในเฟสแรกราว 134,000 ล้านตันต่อปี ในไตรมาส 4/2571 และที่เหลือ 300,000 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2572
การก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) มูลค่า 8,500 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 93% และคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 2/2568
ทั้งนี้การปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัท ผ่านการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บมจ. บางจาก ศรีราชา (BSRC) ที่ถือโดยผู้ถือหุ้นรายอื่น ไม่เกินจำนวน 631,859,702 หุ้น (คิดเป็น 18.3% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ BSRC) โดยแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ (Share Swap) ด้วยอัตราการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ ต่อ 6.50 หุ้นสามัญของ BSRC
การทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญดังกล่าวรวมคิดเป็นจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบางจากฯ ไม่เกิน 97,209,185 หุ้น โดยจะไม่มีการชำระค่าตอบแทนในรูปแบบของตัวเงิน พร้อมทั้งเพิกถอนหุ้นของ BSRC จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ธุรกรรมดังกล่าวจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น ทั้งของ BCP และ BSRC ในช่วงต้นเดือนเม.ย.นี้ และคาดว่าในช่วงการทำคำสนอซื้อหุ้นสามัญดังกล่าว เพื่อให้ผู้ถือหุ้น BSRC ย้ายมาเป็นผู้ถือหุ้นของ BCP คาดจะอยู่ในช่วงของดือนก.ย.-พ.ย.68 หลังจากนั้นคาดว่าธุรกรรมทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.68
นอกจากนี้บริษัทฯ ยืนยันยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน เนื่องจากมองว่าธุรกิจยังอยู่ในช่วงขยายการเติบโตและจำเป็นต้องใช้เงินทุน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจก่อน