ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

BBL-SCB กำไรแน่น TTB มียิวส์ปันผลงาม

          คาดกำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ใน 1Q25 จะอยู่ที่ 53,205 ลบ. ลดลง 3.2% YoY แต่โต 3.7% QoQ แม้รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิจะลดลงจาก NIM ที่ต่ำลง และการคุมสินเชื่อใหม่ แต่ถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายดำเนินงานและ การตั้งสำรองที่ลดลง ธนาคารที่คาดกำไรสุทธิจะโตทั้ง YoY และ QoQ ได้แก่ BBL, SCB   

          คงน้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารที่ “เท่ากับตลาด” แม้แนวโน้มการเติบโตของกำไรจะค่อนข้างจำกัด เพราะมีผลกระทบเชิงลบจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ซึ่งคาดจะมีการปรับลงอีก 1 ครั้ง ในช่วงกลางปี แต่มองว่ากลุ่มธนาคารจะยังสามารถจ่ายปันผลในระดับสูงได้ใกล้เคียงเดิม หลังปรับเพิ่ม Div. Payout Ratio และคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแรง เลือก TTB(TB@2.12) เป็น Top Pick ของกลุ่ม

          TTB(TB@2.12) คาดได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่ปรับลงน้อยกว่าธนาคารใหญ่ เพราะสินเชื่อหลักเป็นดอกเบี้ยคงที่ อีกทั้ง TTB มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจาก Tax Shield 1.2 หมื่นลบ. ที่สามารถทยอยใช้สิทธิได้จนถึงปี 2028 รวมถึงนโยบายซื้อหุ้นคืนที่มีความต่อเนื่องถึง 3 ปี ปีละ 7,000 ลบ. ทำให้มองว่าเป็นหุ้นที่มี Downside จำกัด นอกจากนี้คาด TTB จะให้ Div. Yield สูง 6.6%

          บทวิเคราะห์ บล.หยวนต้า คาดว่า กำไรสุทธิกลุ่มธนาคารใน 1Q25 ลดลง 3.2% YoY แต่โต 3.7% QoQ  สำหรับ 1Q25 คาดหุ้นกลุ่มธนาคารภายใต้ Coverage ของจะมีกำไรสุทธิรวม 53,205 ลบ. ลดลง 3.2% YoY แต่โต 3.7% QoQ

          โดยมีแรงกดดันหลักจาก

          1) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิคาดลดลง 2% QoQ หลังธนาคารคงความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยและ SME ทำให้สินเชื่อ รวมคาดลดลง 1.1% QoQ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้สอดรับกับดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ที่ปรับลงอีกครั้ง ในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ยังไม่ได้ปรับลดดอกเบี้ยเงินฝาก ส่งผลให้คาด Net Interest Margin (NIM) ของแต่ละธนาคารจะปรับตัวลงทั้ง YoY และ QoQ และ

          2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดลดลง 2.8% YoY และ 6.2% QoQ กดดันจากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อที่ลดลงตามขนาดของพอร์ต รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าประกันและธุรกิจ Wealth Management ที่ปรับลงตามปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้คาดปัจจัยลบดังกล่าวบางส่วนจะถูกชดเชยด้วยการปรับลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงาน หลังมีค่าใช้จ่ายลงทุนในระบบการดำเนินงานและพนักงานลดลง QoQ รวมถึงการตั้งสำรองที่คาดจะลดลง 5.5% YoY และ 0.7% QoQ จากคุณภาพสินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น

          ในส่วนของธนาคารใหญ่กำไรฟื้นตัว QoQ เพราะค่าใช้จ่ายดำเนินงานและการตั้งสำรองลดลง ธนาคารใหญ่คาดกำไรสุทธิลดลง 2.4% YoY แต่ฟื้นตัว 5.1% QoQ นำโดย BBL (คาดกำไรสุทธิ 11,205 ลบ. +6.5% YoY, +7.7% QoQ) หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อที่ปรับตัวดีขึ้น จากการขยายฐานลูกค้าบริษัทใหญ่ และการลดลงของค่าใช้จ่ายดำเนินงานตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่การตั้งสำรองคาดขยับขึ้นจากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจในอินโดนีเซียชะลอตัว

          รองลงมาคือ KBANK (คาดกำไรสุทธิ 11,275 ลบ.-16.4% YoY, +7.4% QoQ) หนุนจากการตั้งสำรองที่คาดจะเริ่มผ่อนคลายลง หลังเสร็จสิ้นการทำ BalanceSheet Clean Up (เร่ง Write Off และขายหนี้กลุ่มเสี่ยงสูง) และค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลง ช่วยชดเชยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับตัวลง

          ส่วน KTB (คาดกำไรสุทธิ 10,936 ลบ. -1.3% YoY, +4.4% QoQ) แม้สินเชื่อภาครัฐฯ จะปรับลง แต่ยังคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี และคาดค่าใช้จ่ายดำเนินงานจะลดลงเพราะค่าใช้จ่ายตามฤดูกาลต่ำลง และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ลดลง

          สำหรับ SCB (คาดกำไรสุทธิ11,847 ลบ. +5.0% YoY, +1.2% QoQ) หลังค่าใช้จ่ายตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายดำเนินงานของธุรกิจTechnology (Gen 3) ต่ำลง

          ธนาคารขนาดกลาง/เล็ก คาดกำไรสุทธิรวม 7,943 ลบ. ลดลง 7.4% YoY และ 3.4% QoQ มีแรงกดดันหลักๆ จากสินเชื่อรวมที่ชะลอตัวตามยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว

          โดย TTB(คาดกำไรสุทธิ 5,240 ลบ. -1.8% YoY, +2.5% QoQ) แม้สินเชื่อจะลดลง แต่เป็นการปรับสัดส่วนสินเชื่อมา เน้นกลุ่มที่มี Risk Adjusted Return สูงขึ้น เช่น สินเชื่อ Top Up ของลูกค้าบ้านและรถยนต์ที่มีประวัติชำระเงินดี

          ส่วน TISCO (คาดกำไรสุทธิ 1,608 ลบ. -7.2% YoY, -5.5% QoQ) กดดันจากการเร่งตั้งสำรองเพื่อเพิ่ม Coverage Ratio รองรับการขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ

          และ KKP (คาดกำไรสุทธิ 1,095 ลบ.-27.3% YoY, -22.1% QoQ) เนื่องจากคาดกำไรจากเครื่องมือทางการเงินจะลดลง และรายได้จากธุรกิจตลาดทุนชะลอตัว ปี 2025 คาดกำไรสุทธิรวมโต 3% YoY รับผลกระทบจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย เบื้องต้น คาดแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2025 ของกลุ่มจะอยู่ที่ 220,954 ลบ. โต 3% YoY แม้รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิจะปรับตัวลงจากทั้งการชะลอตัวของสินเชื่อ และ NIM ที่ต่ำลง แต่คาดจะถูกชดเชยด้วยการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลง เพราะธนาคารส่วนใหญ่มีการเร่งระบายลูกหนี้กลุ่มเสี่ยงสูงไปมากแล้ว บวกกับมีผลจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่จูงใจให้ลูกหนี้กลับมาชำระเงินมากขึ้น

          คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” แนะนำ TTB เป็น Top Pick ของกลุ่ม คงน้ำหนักลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารที่ “เท่ากับตลาด” แม้แนวโน้มการเติบโตของกำไรจะค่อนข้างจำกัด เพราะมีผลกระทบเชิงลบจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ซึ่งคาดจะมีการปรับลงอีก 1 ครั้ง ในช่วงกลางปี

          แต่มองว่ากลุ่มธนาคารจะยังสามารถจ่ายปันผลในระดับสูงได้ใกล้เคียงเดิม หลังปรับเพิ่มDiv. Payout Ratio และคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับที่แข็งแรง เราเลือก TTB (TB@2.12) เป็น Top Pickของกลุ่ม เนื่องจากคาดได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยที่ปรับลงน้อยกว่าธนาคารใหญ่ เพราะสินเชื่อหลักของพอร์ตเป็นสินเชื่อเช่าซื้อที่เป็นดอกเบี้ยคงที่ อีกทั้ง TTB มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจาก Tax Shield 1.2 หมื่นลบ.ที่สามารถทยอยใช้สิทธิได้จนถึงปี 2028 รวมถึงนโยบายซื้อหุ้นคืนที่มีความต่อเนื่องถึง 3 ปี ปีละ 7,000 ลบ. ทำให้เรามองว่าเป็นหุ้นที่มี Downside จำกัด นอกจากนี้คาด TTB จะให้ Div. Yield สูง 6.6%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

OR ชู “วิชั่น” ยั่งยืนครบสูตร

OR ชู “วิชั่น” ยั่งยืนครบสูตร

JMT ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด 3,000 ลบ. ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตหนี้ 2,000 ลบ.

JMT ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด 3,000 ลบ. ปีนี้ตั้งเป้าพอร์ตหนี้ 2,000 ลบ.

THCOM คว้าโครงการใหญ่ NT  ควบคุมดาวเทียม ไทยคม 4 และ 6

THCOM คว้าโครงการใหญ่ NT ควบคุมดาวเทียม ไทยคม 4 และ 6

KTC ผู้ถือหุ้นไฟเขียวปันผล 1.32 บาท

KTC ผู้ถือหุ้นไฟเขียวปันผล 1.32 บาท

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด