หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับปี 2567 จำนวน 45,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 จากปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 จากการขยายตัวของเงินให้สินเชื่อและอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 3.06 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน ซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด
ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากธุรกิจบัตรเครดิต และบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดีสำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายทไให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงเป็นร้อยละ 48.0
ทั้งนี้จากการที่ธนาคารมีการต้้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 4/2567 ธนาคารจึงต้้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลงจากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ผลขาดทุน
ด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สำหรับปี2567 มีจำนวน 34,838 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,693,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 จากสิ้นปีก่อน จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ
สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 334.3 เป็นผลจากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 จำนวน 3,169,654 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.5 จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 85.0
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 20.4, ร้อยละ 17.0 และร้อยละ 16.2 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
และธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารในไตรมาส 4/2567 จำนวน 10,404 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.6 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงส่วนใหญ่จากรายได้จากการลงทุน ซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ทั้งนี้จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาสนี้ธนาคารจึงตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง
หากเทียบกับไตรมาส 4/2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 จากรายได้จากการลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเล็กน้อย ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานและผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับปี 2567 ธนาคารมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 45,211 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 จากปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากปริมาณเงินให้สินเชื่อและอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิกับต้นทุนเงินรับฝากที่เพิ่มขึ้น รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากรายได้จากการลงทุน สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ทั้งนี้ธนาคารตั้งผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 34,838 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน