หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BAFS) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 102.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175% จากปีก่อน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.08 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 1% เนื่องจากรายได้และ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 14% และ 21% ตามลำดับ
โดยหลักเป็นผลมาจากการฟื้นตัวขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Aviation และการเติบโตในกลุ่มธุรกิจ Utilities ในขณะที่สามารถควบคุมค่าจ่ายดำเนินงานโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปรับเพิ่มขึ้นเพียง 5% โดยมีสาเหตุหลักจากค่า ACF ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำมันที่ให้บริการและค่าจ่ายบุคลากร นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้กลุ่มบริษัทได้มีการรับรู้ผลขาดทุนจากการปรับลดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่น และผลขาดทุนจากค่าความนิยมของโรงไฟฟ้าในประเทศไทย รวมทั้งมีกาการตัดจำหน่ายผลประโยชน์ภาษีเงินได้ (DTA) ที่คาดว่าจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต ซึ่งรายการดังกล่าวถือเป็นค่าจ่ายทางบัญชีเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อกระแสเงินสดแต่อย่างใดดังที่ได้กล่าวแล้ว
บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 3,507.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน ตามการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างประเทศ โดย EBITDA ยังคงเติบโต 21% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 1,594.3 ล้านบาท
ทิศทางการดำเนินงานในปี 2568
ในปี 2568 BAFS GROUP คาดการณ์ว่าธุรกิจการบินจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเที่ยวบิน ตามจำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย BAFS ตั้งเป้าหมายปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานที่ 5,400 ล้านลิตร เติบโต 8% จากปี 2567 หรือคิดเป็น 88% ของระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโต ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินระหว่างประเทศและการเปิดใช้งานรันเวย์ที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิที่จะส่งผลเชิงบวกได้อย่างเต็มปี ซึ่งช่วยให้ความต้องการใช้น้ำมันอากาศยานขยายตัวตามไปด้วย
นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้าหมายจำนวน นักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 ไว้ที่ 40 ล้านคน โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อ BAFS อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิด
สำหรับธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อ คาดว่าปริมาณการส่งน้ำมันจะเติบโตขึ้น 5% จากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 1,290 ล้านลิตร ในปี 2568 ขณะที่โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 3 (อ่างทอง-สระบุรี) เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งน้ำมันจากภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 700 ล้านลิตรต่อปี
นอกจากนี้ BAFS GROUP ยังมีรายได้เพิ่มเติมจากการขายรถเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS INTECH ซึ่งเริ่มส่งมอบให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยในปี 2568 BAFS INTECH มีกำหนดส่งมอบรถเติมน้ำมันและรถที่ใช้ในธุรกิจกาเติมน้ำมันอากาศยานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ให้กับลูกค้าอีกจำนวน 6 คัน รวมมูลค่าประมาณ 51.0 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจ Power ยังคงเดินหน้าสรรหามโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง