นายมงคล พ่วงเภตรา รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวโน้มกำไรของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในปี 2568 ว่ายังคงต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยปัจจัยเสี่ยงหลักประกอบด้วย 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
สภาวะเศรษฐกิจ: หากเศรษฐกิจชะลอตัวหรือเข้าสู่ภาวะถดถอย อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่มีลูกค้าหลักเป็นภาคอุตสาหกรรม หากการผลิตในภาคอุตสาหกรรมลดลงหรือมีการหยุดชะงัก ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าก็จะลดลงตามไปด้วย ซึ่งอาจส่งผลให้รายได้ของโรงไฟฟ้าลดลงตามไปด้วย
แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงที่ลดลง: การลดลงของราคาเชื้อเพลิง เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน หรือพลังงานหมุนเวียน อาจส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดราคาค่าไฟฟ้า หากค่า Ft ลดลง โรงไฟฟ้าที่มีสัญญาขายไฟฟ้าในรูปแบบที่เชื่อมโยงกับค่า Ft อาจประสบปัญหารายได้ลดลง เนื่องจากราคาค่าไฟฟ้าที่ขายได้อาจต่ำลงตามไปด้วย
นโยบายภาครัฐ: การดำเนินนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าและการควบคุมค่าไฟฟ้าอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของโรงไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น หากรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หรือมีการกำหนดนโยบายควบคุมค่าไฟฟ้าไม่ให้สูงเกินไป อาจทำให้โรงไฟฟ้ามีรายได้ลดลง นอกจากนี้ นโยบายเกี่ยวกับพลังงานสะอาดและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาจส่งผลให้โรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลต้องเผชิญกับต้นทุนเพิ่มเติมในการปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่
ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงปี 2568