หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดแนวโน้มตลาดวันนี้จะมีโอกาสแกว่ง Sideways to Sideways Up ต่อเนื่อง เข้าหาแนวต้านโซน 1,200+- จุด โดยได้รับแรงหนุนจากผลการประชุม Fed ที่นักลงทุนตอบรับในเชิงบวก โดยอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ยังคงอยู่ที่ 4.25-4.50% แต่ Dot Plot ยังสะท้อนมุมมองของ Fed ว่ายังเห็นโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้อีก 2 ครั้ง แม้ประมาณการเศรษฐกิจใหม่จะปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ลง 0.4%/0.2%/0.1% เหลือ +1.7%/+1.8%/+1.8% ในปี 2025-27 และปรับเพิ่ม Core PCE ปี 2025 ขึ้นจาก 2.5% เป็น 2.8% จากผลกระทบของนโยบายภาษีการค้าของทรัมป์ แต่ตลาดประเมินว่าอาจกระทบเพียงชั่วคราวในช่วงเปลี่ยนผ่าน และอาจไม่นำไปสู่ Recession อย่างที่กังวลในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ Fed ยังปรับลดขนาด QT ลงจาก US$60,000 ล้านเหลือ US$40,000 ล้านต่อเดือน ส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น ขณะที่ Bond Yield ปรับตัวลดลง
ส่วนปัจจัยในประเทศประเด็นหลักที่ตลาดจับตาคือ มาตรการซื้อหนี้เสียของรัฐบาลว่าจะมีรายละเอียดและความชัดเจนเมื่อไร ซึ่งหากทำได้จริงอาจทำให้เกิด Upside ต่อกำไรและ ROE ของกลุ่มธนาคาร ซึ่งจะเป็นผลดีต่อ SET ในภาพรวม เรายังคงมองว่า SET Index ที่ปรับตัวร่วงแรงราว 20% จาก High เดือน ต.ค. 24 ทำให้ Valuation ระยะกลาง-ยาวน่าสนใจ โดยเทรด PER และ PBV เพียง 12.5 เท่าและ 1.14 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ ทำให้ยังมองเป็นจังหวะในการทยอยสะสม โดยยังคงชอบกลุ่ม Domestic Play ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่ากลุ่ม Global-Related Play ที่อาจถูกกระทบจากความไม่แน่นอนของประเด็นการค้าและเศรษฐกิจโลก
กลยุทธ์: ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ที่มีแนวโน้มกำไร 1Q25-2025 แข็งแกร่งและ Valuation ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ
หุ้นเด่นเดือนมี.ค.: BA, BTG, CPALL, MTC, PR9
FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR
- หุ้นเด่นวันนี้: MTC
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 56 บาท
ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2025 แม้การประหยัด Funding Cost จะน้อยกว่าที่เคยประเมิน แต่การเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ยังสามารถจัดการได้ดีต่อเนื่อง เราคาดกำไรปกติปี 2025 ที่ 7.1 พันล้านบาท +21% y-y
ระยะสั้นได้ Sentiment หนุนจาก Bond Yield สหรัฐฯที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้หาก กนง. ปรับลดดอกเบี้ยลงจาก 2% ในปัจจุบันในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเป็นอีก Catalyst บวกและหนุนราคาหุ้นได้ต่อเนื่อง
แนวรับ 42-41.50 บาท แนวต้าน 44-44.50//46 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากภูมิภาคสุทธิหนาแน่นกว่าคาดที่ US$1,160 ล้าน โดยกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$1,124 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ยังคงไหลเข้า US$88 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกเช่นกัน นำโดยอินโดนีเซียและเวียดนาม ประเทศละ US$55 ล้าน และมีเพียงฟิลิปปินส์ที่ไหลเข้าเล็กน้อย แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดมีโอกาสพลิกมาไหลเข้า หลังผลการประชุม FED โดยรวมลดความกังวลเรื่อง Recession ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังเปิดช่องลดดอกเบี้ยได้อีก 2 ครั้งปีนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้: (-) กลุ่มยานยนต์ ยอดผลิตรถยนต์เดือนม.ค. 2025 อยู่ที่ 1.07 แสนคัน หดตัว 24.6% y-y และคิดเป็นเพียง 7% ของประมาณการทั้งปี 2025 ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ส่วนยอดขายในประเทศลดลง 12.3% y-y หลักๆ มาจากรถกะบะ pickup และรถเพื่อการพาณิชย์ที่หดตัวอย่างมาก สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจที่อ่อนแอ เรายังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มนี้เป็น Underweight แม้ Valuation จะถูกก็ตาม
(-) AH จากยอดผลิตรถยนต์เดือนม.ค. 2025 อยู่ที่ 1.07 แสนคัน หดตัว 24.6% y-y คิดเป็นเพียง 7% ของประมาณการทั้งปี 2025 คาดผลประกอบการ 1Q25 ยังชะลอตัวทั้ง q-q, y-y และคาดหวังว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวใน 2H25 เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2025 ลง 52% เป็นกำไรปกติปี 2025 ที่ 804 ล้านบาท +11.6% y-y ราคาเป้าหมายใหม่ 13.50 บาท ลดคำแนะนำเป็น “ถือ”
(0) กลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง มาร์เก็ตแชร์เดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น m-m ทั้งคู่ แต่ 2MTD OSP +0.3% ส่วน CBG -0.3% ดูเหมือน OSP สามารถแย่ง share จาก CBG ได้เล็กน้อย แต่ส่วนหนึ่งเพราะ CBG ยังไม่ได้ทำโปรในช่องทาง modern trade และได้กลับมาทำในเดือน มี.ค. ต้องติดตามต่อว่าจะปรับขึ้นได้ต่อหรือไม่ แม้ OSP จะมี market share ปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ยังไม่ชัดเจนว่าผลตอบรับของ M150 ฝาเหลือง 10 บาท จะเป็นเช่นไรเพราะเพิ่งทยอยกระจายสินค้าเดือน ก.พ. ดังนั้นยังต้องตามต่อในเดือน มี.ค. และ 2Q25
(+) NSL Beef steak sandwich ได้รับการตอบรับดีมาก ปัจจุบันขายอยู่ที่ 2.5-3.0 หมื่นชิ้น/วัน ขณะที่คาดความต้องการน่าจะอยู่ที่ 5-6 หมื่นชิ้น/วัน บริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตใน 1-2 เดือนข้างหน้า และตั้งเป้ารายได้ปี 2025 +16% y-y จากทุกธุรกิจ ส่วนการเข้าซื้อกิจการ PNF อาจแล้วเสร็จใน 2Q25 คาดรายได้ 1Q25 เติบโตทั้ง q-q, y-y ดีกว่าปกติและดีกว่าประมาณการของเรา ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบทรงตัวและยังล็อกราคาซื้อชีสและเนยล่วงหน้าไว้แล้ว คงคาดกำไรสุทธิปี 2025 +11% y-y บนสมมติฐานที่ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท ทำให้ประมาณการของเรามี upside ราคาเป้าหมาย 43 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”