หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) แนวโน้มตลาดวันนี้: เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ โดยมีโอกาสปรับตัวลงหลุดแนวรับต่ำสุดเดิมที่ 1,180-1,197 จุด โดยภาพรวมบรรยากาศการลงทุนยังคงผันผวนและถูกกดดันจากการเก็บภาษีตอบโต้ระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดาซึ่งสะท้อนถึงความไม่น่าแน่นอนในระยะถัดไป ตลาดยังคงกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจชะลอตัวลง
ขณะที่ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่สูงขึ้นยังคงอยู่ โดยคืนนี้ต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ CPI (ตลาดคาด Headline +0.3% m-m, +2.9% y-y Core +0.3% m-m, +3.2% y-y) หากออกมาสูงกว่าคาดจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง แต่หากชะลอตัวและต่ำกว่าคาดจะผ่อนคลายกับตลาดและเพิ่มโอกาสที่ FED จะลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศตลาดได้รับ Catalyst บวกจากกองทุน Thai ESG Extra สำหรับโยกเม็ดเงิน LTF เดิมเพื่อถือครองต่อเนื่องและลดหย่อนภาษีเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะช่วยชะลอแรงขาย LTF จากฝั่งสถาบันที่ถูกลูกค้า Redeem ได้ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตามเราให้ความสำคัญสูงสุดจากปัจจัยพื้นฐานทั้งการเติบโตของ GDP และ EPS ซึ่งเรายังมองกลุ่ม Domestic Defensive และ Tourism-Related Play น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีกว่า Global-Related Play ที่ถูกกระทบจากความเสี่ยงของต่างประเทศ
กลยุทธ์: ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งในปี 2025 และ Valuation ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ
หุ้นเด่นเดือนมี.ค.: BA, BTG, CPALL, MTC, PR9
FSSIA Portfolio: BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR
หุ้นเด่นวันนี้: CPALL
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 83 บาท โมเมนตัมกำไร 1Q25 คาดว่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง y-y หนุนจาก SSSG QTD ที่ยังคงเป็นบวกได้ราว 1-3% ทั้ง 7-Eleven และ CPAXT โดยยังตั้งเป้า SSSG ทั้งปีเติบโตราว +3% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
คาดกำไรปี 2025 ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท +10% y-y และมีแรงหนุนจาก Synergy Value ของ CPAXT ที่จะเห็นผลชัดขึ้นใน 2H25 นอกจากนี้เราคาด CPALL จะเป็นเป้าในการซื้อกลับจากการมาของ Thai ESG Extra ในอนาคตและการแจกเงินหมื่นเฟส 3 แนวรับ 50/48.75 บาท แนวต้าน 53-53.50/55 บาท
Fund Flow: วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากภูมิภาคสุทธิหนาแน่น US$2,381 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,291 ล้านและ US$1,025 ล้าน ตามลำดับ ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกจากทุกประเทศ สูงสุดที่ไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$20-30 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลออกจากความไม่แน่นอนเรื่องการเก็บภาษีสินค้าของสหรัฐฯตอบโต้ต่อประเทศอื่นๆ ที่จะรุนแรงขึ้นหรือไม่
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ครม.ไฟเขียว Thai ESG Extra โดยแบ่งเป็น 1) ให้สามารถโยกเงินจาก LTF มาอยู่ในกองทุน Thai ESG Extra ได้สูงสุด 5 แสนบาท 2) ให้ซื้อ Thai ESG Extra เพิ่มได้อีก 3 แสนบาทในปี 68 โดยจะต้องซื้อในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. ปีนี้ โดยรวมมองเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ ต่อ SET Index โดยจะช่วยลดแรงกดดันจากการทยอยขาย LTF ได้ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
(0) กลุ่มไฟฟ้า กกพ. เปิดรับฟังความเห็นการปรับค่าไฟฟ้างวด พ.ค. – ส.ค. 2025 ตั้งแต่ 11-24 มี.ค. นี้ แบ่งเป็น 3 แนวทาง คือ ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำสุดที่ 4.15 บาท, 4.95 บาท และสูงสุดที่ 5.16 บาท เชื่อว่ากรณีค่าไฟที่ 4.15 บาท น่าจะเป็นไปได้สุดและดีกว่าที่ราคาปัจจุบัน อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะเคาะราคาสุดท้ายเดือนหน้า หากรัฐบาลยังคงมีนโยบายช่วยเหลือค่าใช้จ่ายประชาชน รัฐบาลอาจจะยังสามารถกดค่าไฟฟ้าต่ำได้อีก โดยการปรับลดหรือชะลอการจ่ายคืนต้นทุนคงค้างของ กฟผ. ส่วนกรณีที่ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.15 บาท/หน่วย จะมีผลกระทบต่อโรงไฟฟ้ากลุ่ม SPP จำกัด อย่าง BGRIM, GPSC และ WHAUP ขณะที่ GULF กระทบเล็กน้อย ยังให้ความสำคัญในกลุ่มนี้เป็น Underweight Top pick เป็น RATCH ราคาเป้าหมาย 34.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(-) กลุ่มเดินเรือ ค่าระวางเรือเดินทะเลปี 2025 มีแนวโน้มอ่อนตัวจากความต้องการที่อ่อนแอและจำนวนกองเรือที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณเรือตู้คอนเทนเนอร์ดูเหมือนจะ oversupply ซึ่งจะทำให้ค่าระวางเรือปรับลงแรง ส่วนค่าระวางเรือเทกองจะไม่ปรับลงเร็ว เราปรับลดประมาณการกำไรปกติของกลุ่มเรือเทกองลง 17-18% จากต้นทุนการดำเนินงานและค่าบริหารที่สูงกว่าคาด เป็นกำไรปกติของกลุ่มเดินเรือรวมปี 2025 -18% y-y สำหรับค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มปรับลงในปี 2025 โดยปัจจุบันดัชนีค่าระวางเรือ BSI ยังปรับลง 6.4% YTD และเราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2025 ยังคงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ PSL ราคาเป้าหมาย 7 บาท และ TTA ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท
(+) BDMS รายได้ผู้ป่วยคนไทยโตราว 6-7% y-y ในช่วง ม.ค. – ก.พ. ส่วนต่างชาติ Middle East โต 25% y-y, Europe 12-13% y-y และ CLMV 10-12% y-y ในช่วง 1H25 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้คนไทยโต 4-6% y-y และต่างชาติโต 10-15% y-y ส่วน EBITDA margin คาดอยู่ที่ 24-25% ส่วนผลกระทบเรื่อง co-pay น่าจะมีจำกัด โดยปัจจุบันกลุ่ม simple disease และมีการเคลมมากกว่า 3 ครั้งต่อปี คิดเป็นสัดส่วนรายได้เพียง 1-2% คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 36.50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) CHG รายได้ผู้ป่วยทั่วไปเดือน ม.ค.-ก.พ. เพิ่มขึ้น y-y แต่รายได้ผู้ป่วยประกันสังคมลดลงจากจำนวนผ่าตัดกระเพาะที่ลดลง เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2025-26 ลง 5-6% เพื่อสะท้อนรายได้ผู้ป่วยที่จ่ายค่ารักษาเองลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 2.90 บาท แม้คาดกำไร 1Q25 จะยังชะลอตัว y-y แต่จะฟื้นตัวใน 2Q25 จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
(+) PYLON ผู้บริหารมองอุตสาหกรรมเสาเข็มเจาะที่ดีขึ้นในปี 2025 แนวโน้มมาร์จิ้นทยอยดีขึ้น ปัจจุบันมี Backlog ที่ 1.3 พันล้านบาท บริษัทมองว่ารับงานเพิ่มได้อีก 400-500 ล้านบาทในปีนี้ คาด 1Q25 จะพลิกเป็นกำไรจากขาดทุนใน 4Q24 และ +y-y และจะเร่งขึ้นใน 2Q25-3Q25 จากงานใหม่ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีสม้, ทางด่วนจตุโชติ เบื้องต้นหากเราให้สมมติฐานรายได้ปี 2025 +30% y-y บน GPM 14% จะได้กำไรสุทธิ 50-60 ล้านบาท ฟื้นตัวจากปี 2024 ที่ 0.5 ล้านบาท