วันนี้ เป็นวันซื้อขายสุดท้าย ของ GULF และ INTUCH หลังจากนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมายพักการซื้อขายชั่วคราว (SP) ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. – 2 เม.ย. 2568 และในช่วงพักการซื้อขาย จะเปลี่ยนแปลงชื่อหลักทรัพย์ GULF เป็น GULFI เพื่อควบรวม GULFI และ INTUCH เป็นบริษัทใหม่ (NewCo) หลังจากนั้น วันที่ 3 เม.ย. 2568 กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ภายใต้ชื่อเดิมคือ GULF
นักลงทุนสามารถ เลือกกระทำการได้ ดังนี้ 1. กรณีต้องการซื้อหรือขาย ก็ดำเนินการได้ถึงวันที่ 20 มี.ค. ทั้ง GULF และ INTUCH หรือ 2. กรณีต้องการถือครองหลักทรัพย์ต่อ ก็ไม่ต้องดำเนินการใด ๆ หุ้นจะกลับมาซื้อขายได้ใหม่ในวันที่ 3 เม.ย.2568 สำหรับผู้ถือหุ้นของ GULF (เดิม) และ INTUCH จะได้รับหลักทรัพย์ GULF (ใหม่) ในอัตราส่วนดังนี้ 1 หุ้นเดิมใน GULF (เดิม) ต่อ 1.02974 หุ้น GULF (ใหม่) และ 1 หุ้นเดิมใน INTUCH ต่อ 1.69335 หุ้น GULF (ใหม่)
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ของ NewCo ที่ 53.25 บาท/หุ้น โดยใช้วิธี Sum of the Part (SOTP) โดยประเมินธุรกิจโรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานด้วยวิธี DCF บน WACC 6.4% และ Terminal Growth ที่ 0% และประเมินมูลค่าเงินลงทุนในส่วนของ ADVANC และ THCOM โดยใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2025 ที่ 296.00 บาท/หุ้น และ 16.50 บาท/หุ้น ตามลำดับ และหักลดด้วย Discount 10% โดยหากอิงราคาปิดของ GULF และ INTUCH ณ วันที่ 18 มี.ค. ที่ 49.50 บาท/หุ้น และ 80 บาท/หุ้น ตามลำดับ จะคิดเป็นราคา NewCo ที่ราว 47.80 บาท
ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว สำหรับ WHA สัญญาณราคาเริ่มฟื้นตัว หลังถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก จากประเด็นจะนำ WHAID เข้าจดทะเบียนตลาดหุ้น แต่ท้ายสุดผู้บริหารต้องยอมถอย พับแผนไปก่อน และเลื่อน WHAID ไปอย่างน้อย 2-3 ปี โดยไม่กระทบกับแผนการลงทุนที่ตั้งไว้ ซึ่งผู้บริหารให้เหตุผลว่า เงินที่ได้จากการ spin off ส่วนหนึ่งเตรียมไว้สำหรับการ M&A กิจการที่มองว่า มีโอกาสเสริมธุรกิจของ WHA ส่วนแผนการเพิ่มพื้นที่เช่าอีก 200,000 ตร.ม. ทางผู้บริหารมีความมั่นใจ เพราะจะมีการตั้งโรงงานเพิ่มที่เวียดนามหลายที่ บล.พาย เคาะพื้นฐาน 5.20 บาท
ย้อนมาเกาะติด KBANK อีกที ใกล้เข้ามาแล้ว การจ่ายปันผลรอบแรก หุ้นละ 8 บาท ที่จ่อขึ้น XD วันที่ 8 เม.ย. 2568 และงวดที่2 ปันผลพิเศษอีก 2.50 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 15 พ.ค. 2568 รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 28,431,931,116 บาท ที่สำคัญ เงินปันผลจ่ายจากกำไรสะสมที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 20 ผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถ ขอเครดิตภาษีเงินปันผลคืนได้ ในอัตรา 20/80 ของเงินปันผลที่ได้รับ
เริ่มคลายกังวลกันเสียที กรณี BEM กับสะพานทรุดตัว พระราม 2 เพราะล่าสุดพบว่า ผู้บริหารยืนยันไม่กระทบการดำเนินงาน เหตุปริมาณการจราจรที่ด่านมีแค่ 0.03% ของการจราจรรวม บล.กสิกรไทยชี้ BEM มีประกัน Business interruption ที่สามารถ claim ได้ แนะ ซื้อสะสม ราคาเป้าหมาย 10.85 บาท
ด้าน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ส่องหุ้น PTTGC คาดไตรมาส1 ปี 2568 ฟื้นตัว แม้อาจมีผลขาดทุนปกติอยู่จากโรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องปกติ แต่มีสัดส่วนอีเทนเป็นวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 20% ช่วยให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น และกำไรของ allnex เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ทำให้กำไรปีนี้ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนมีตั้งด้อยค่าก้อนใหญ่ รวมรับรู้ประโยชน์จากการใช้อีเทนเป็นวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเต็มปี อีกทั้งกลยุทธ์ลดค่าใช้จ่าย การหยุดผลิต PTTAC และ Vencorex ช่วยให้ค่าใช้จ่ายคงที่ลดลง ราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าบัญชีมาก แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 27.5 บาท
วกมาที่ บล.ธนชาต ระบุว่า เริ่มเห็น Sentiment เชิง บวก ขณะที่โบรกต่างชาติ UBS ได้ปรับคำแนะนำหุ้นไทยเป็น “Overweight” จาก “Neutral ” โดยมองว่า Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ใกล้เคียงกับระดับช่วงเกิดโควิด และเชื่อว่าราคาที่ปรับลดลงได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
นอกจากนี้ การออก Thai ESG Extra ช่วยชดเชยกับเงินที่จะครบกำหนดของ LTF ซึ่งถ้าเทียบหุ้นที่ Valuation น่าสนใจ กำไรเติบโตดี และเริ่มเห็นสัญญาณต่างชาติสะสม แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มแรก ที่เห็น Fund Flow ไหลเข้า ชอบ CENTEL- CBG- MINT- CKP และกลุ่มที่ Fund Flow ไหลออก แต่พื้นฐานดี มีโอกาสเห็น Fund flow ไหลเข้าอีกครั้ง ชอบ KBANK- CPALL- TRUE -BDMS -CPN – WHA
การลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ลงทุน ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ ลงทุน
[วิพากษ์หุ้นไทย]