หุ้นวิชั่น-ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บล.ทรีนีตี้ คาด SET Index มีโอกาสสูงที่จะผ่านจุด Bottom ชั่วคราวที่ลงไปทดสอบแถวระดับ 1,160 จุดเมื่อวานนี้ สาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยกระตุ้นทางด้านสภาพคล่องที่เตรียมเข้ามาในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.68 จากกองทุน ThaiESG Extra ซึ่งรายละเอียดที่ออกมาเมื่อวานนี้ ถือว่า Surprise ในเชิงบวก เนื่องจากจะเป็นการเรียกเม็ดเงินใหม่ให้เข้าสู่ตลาดได้ด้วย และที่สำคัญ เงื่อนไขในการลงทุนคราวนี้ถือว่าจูงใจมาก เมื่อเทียบกับโครงการที่คล้ายกันในอดีตอย่างเช่นกองทุน SSF Extra เมื่อปี 2020 ในเชิงกลยุทธ์ ด้วยความคาดหวังที่ว่า SET Index มีโอกาสปรับตัวแข็งแกร่งกว่าตลาดอื่น ทำให้คงคำแนะนำถือครองหุ้นในส่วนเดิมได้ต่อไป
Deep value: มองการปรับตัวขึ้นที่โดดเด่นของหุ้น PTTGC, SCC, TOP, GPSC, BGRIM เมื่อวานนี้ เป็นตัวอย่างที่สะท้อนว่า ณ ขณะนี้ นักลงทุนกำลังมองหากลุ่มหุ้นที่มี Downside risk ต่ำในเชิง PBV ทั้งในมิติที่เทียบกับตัวเองในอดีต (-1.5SD ขึ้นไป) และมีราคาปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี นอกจากนั้น ยังเป็นหุ้นที่เห็นการเติบโตของกำไรในปีนี้ พร้อมทั้งคาดการณ์เงินปันผลจ่ายในระดับที่เหมาะสม (> 3%) ทั้งนี้ หากใช้เงื่อนไขเดียวกัน คัดกรองหุ้นที่มีคุณลักษณะคล้ายกับตัวอย่างดังกล่าว จะพบว่ามีหุ้นอื่นที่เข้าข่ายอาจเป็นเป้าหมายของนักลงทุนเพิ่มเติมในช่วงนี้ ได้แก่ CKP, BJC, SPRC, SPALI, PTT, SC, JMT เป็นต้น
Bolstering liquidity: ประเมินกองทุน ThaiESG Extra ที่จะมีส่วนหนึ่งรองรับเม็ดเงินใหม่ไม่เกิน 3 แสนบาทต่อรายนั้น จะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องใหม่ให้กับตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย. โดยกองทุนดังกล่าวมีข้อดีที่จะช่วยตลาดหุ้นไทยทั้งใน 3 มิติสำคัญ ได้แก่
1) ขนาดการลงทุนที่มาก (3 แสนบาทต่อราย)
2) ระยะเวลาถือครองที่สั้น (5 ปีนับจากวันซื้อ)
3) กรอบเวลาการซื้อที่จำกัด (2 เดือน)
ซึ่งหากเทียบเคียงกับกองทุน SSF-Extra ที่เคยออกมาปี 2020 สมัย Covid ถือว่ามีดีกว่าทั้ง 3 มิติ โดยคุณลักษณะของ SSF-Extra ตอนนั้นได้แก่
1) ขนาดการลงทุน (2 แสนบาทต่อราย)
2) ระยะเวลาถือครอง (10 ปีนับจากวันซื้อ)
3) กรอบเวลาการซื้อ (3 เดือน)
Positive View: หากอ้างอิงข้อมูลของกองทุน SSF-X ในอดีตซึ่งต้องบอกว่ามีเงื่อนไขที่ไม่จูงใจ เพราะต้องถือครองถึงระยะเวลา 10 ปี ณ ตอนนั้น ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.63 มีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนดังกล่าวทั้งสิ้น 1.1 หมื่นล้านบาท และเป็นเหตุผลสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนสถาบันในประเทศมีการซื้อสุทธิหุ้นไทยในช่วงดังกล่าวถึง 4.8 หมื่นล้านบาท มองมายังรอบนี้ แม้ตลาดหุ้นไทยจะไม่ได้โดดเด่นในแง่ของการเติบโตมากนัก แต่เชื่อว่าด้วย Valuation ที่ถูกกว่าช่วง Covid ไปแล้ว และยังมีแรงจูงใจในเรื่องของการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม พร้อมระยะเวลาถือครองที่สั้นอีก จึงประเมินว่าเม็ดเงินใหม่ที่จะไหลเข้ามาสู่กองทุน ThaiESG-X ในรอบนี้นั้น จะมีลุ้นแตะระดับ 1.5-2.0 หมื่นล้านบาทได้ไม่ยาก
New Decree: ส่วนอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดทุนที่ออกมาเมื่อวานนี้ ได้แก่รายงานข่าวที่ว่าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณา พ.ร.ก.ป้องกันตลาดทุนเสียหาย อาทิ พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจให้กับ ก.ล.ต. เร่งฟันผู้กระทำผิดในตลาดทุน โดยมีจุดประสงค์เพื่อกำกับดูแลไม่ให้ตลาดทุนได้รับความเสียหายจากผู้ที่ไม่หวังดีเข้ามาสร้างความเสียหายให้กับตลาดทุนไทย