หุ้นวิชั่น – บล.เอเซียพลัส เปิดมุมมองหลังการคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างประเทศข้างต้น มองเป็นกลางต่อพอร์ตสินเชื่อ ในต่างประเทศของ BBL (สัดส่วนสินเชื่อต่างประเทศ 25% แบ่งเป็น 10% ในอินโดฯ และ ประเทศอื่นๆ อีก 15%)
ส่วนทิศทางดอกเบี้ยนโยบายไทย ในมุมฝ่ายวิจัยมองว่าในช่วง 2H68 มีโอกาสลดได้อีก 1 ครั้ง อย่างไรก็ดีหากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ช้ากว่าคาด อาจเห็นการลง ดอกเบี้ยนโยบายได้มากกว่านั้น (ตลาดเริ่มมีมองไปที่ 1.00% -1.25%)
โดยตามความเห็นของฝ่ายวิจัย ปัจจัยที่จะเปิด Downside ต่อเศรษฐกิจไทย มาจากความเสี่ยงจากสงครามการค้า และการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ (สัดส่วน ราว 12% ของ GDP ไทย) มาน้อยกว่าคาดการณ์ อันเป็นผลกระทบจากการชะลอตัว ของนักท่องเที่ยวจีน หลังเกิดเหตุ ซิง ซิง (จีนมาไทย 2M68 ลบ 13% YoY)
ทั้งนี้ ธ.พ. ใหญ่ 3 อันดับแรก ที่มีสัดส่วนสินเชื่อ Floating rate สูง จะรับผลจากการเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายมากกว่ากลุ่มฯ ได้แก่ BBL ตามด้วย KTB และ KBANK โดย BBL จะมีความสัมพันธ์กับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ ในขณะที่ KTB และ KBANK มีความสัมพันธ์กับดอกเบี้ยนโยบายไทยมากสุดในกลุ่มฯ
และในทางตรงข้ามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย ที่ลดลงจะดีต่อ KKP และ TISCO รวมถึง Non – Bank(Bond yield ลง) อย่าง MTC SAWAD และ TIDLOR
ส่วน ธ.พ. ใหญ่ ยังมีความน่าสนใจเชิง PBV ต่ำและ Div Yield ราว 6% -9% เน้นตั้งรับ KTB, BBLและ TTB มองว่าการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ของ 3 ธนาคาร ทำได้ดีกว่ากลุ่มฯ ช่วยให้การตั้งสำรองลดลง ชดเชยผลจากรายได้ที่อ่อนแอ ตามวัฎจักรดอกเบี้ย
ด้าน ธ.พ. เล็ก ชอบ TISCO มากกว่า KKP ในขณะที่ Non – Bank เลือก MTC > TIDLOR (อยู่ระหว่างปรับเป็น Holding ราคาหุ้นอาจผันผวนระหว่างดำเนินการ) > SAWAD