หุ้นวิชั่น – ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่าธนาคารไทย 8 แห่งที่ศึกษา จะทำกำไรสุทธิในไตรมาส 1/68 รวม 5.21 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% yoy แต่ลดลง 0.7% qoq และกำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) รวม 1.16 แสนล้านบาท ลดลง 0.7% yoy แต่เพิ่มขึ้น 5.8% qoq โดยเชื่อว่าธนาคารน่าจะกันเงินสำรองเผื่อกรณีฉุกเฉินในไตรมาส 1/68 ไว้แล้ว เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดจากเหตุแผ่นดินไหวในวันที่ 28 มี.ค.68
ดังนั้น อัตราการสำรองหนี้สูญในไตรมาส 1/68 จึงน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 163bp จาก 150bp ในไตรมาส 1/67 และจาก 141bp ในไตรมาส 4/67 ขณะที่ยอดสินเชื่อรวมในไตรมาส 1/68 น่าจะลดลง 1.5% yoy และ 1.1% qoq จากการชำระคืนหนี้ของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้ารายย่อย
ธนาคาร 8 แห่งที่ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ทำการศึกษาประกอบด้วย BBL, KBANK, SCB, KTB, TTB, KKP, TISCO และ CREDIT
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ ระบุว่า ธนาคารหลายแห่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว ประกอบด้วย การพักชำระหนี้เงินต้นนาน 3 เดือน, เงินกู้เพื่อซ่อมแซมบ้าน/คอนโดมิเนียมดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน, การลดค่างวด 50-75% นาน 3 เดือนและการขยายเวลาผ่อนชำระออกไป 3 เดือน โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจะต้องแจ้งธนาคารเพื่อขอเข้าร่วมมาตรการเหล่านี้
ทั้งนี้กรณีการพักชำระดอกเบี้ย/ลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 เดือนนั้น เชื่อว่ามาตรการเหล่านี้น่าจะส่งผลให้สินเชื่อเติบโตสูงขึ้น แต่อัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อลดลง ซึ่งประเมินว่าผลกระทบในไตรมาส 2-ไตรมาส 3/68 น่าจะไม่เกิน 15bp ของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM)
ฝ่ายวิเคราะห์ฯ คาดว่า สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (delinquent loans) อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากลูกค้าบางรายอาจใช้โอกาสนี้เพื่อขอพักชำระหนี้ นอกจากนี้ เหตุแผ่นดินไหวน่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มสินเชื่อรายย่อย ซึ่งมีสัดส่วน 29.5% ของสินเชื่อในระบบธนาคารในไตรมาส 4/67 ขณะที่เชื่อว่า BBL จะเป็นธนาคารที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากมาตรการช่วยเหลือลูกค้า เพราะ BBL มีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยน้อยที่สุดในกลุ่มธนาคารที่ทำการศึกษา คือ 12% ของสินเชื่อรวมในไตรมาส 4/67
ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) ในกลุ่มธนาคาร เพราะคาดว่ากำไรก่อนตั้งสำรองจะเติบโตช้าในอัตรา -1.5%/+1.5%/+3.8% ในปี 68/69/70 ส่วน SCB และ KTB ยังคงเป็นหุ้น Top pick เพราะธนาคารทั้งสองแห่งน่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 7.4-9.1% ต่อปีและมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ 2- 12% ในปี 68-70 แม้ว่ายอดสินเชื่อของอุตสาหกรรมโดยรวมจะเติบโตชะลอตัว
ขณะที่กลุ่มธนาคารจะมี downside risk หาก NPL เพิ่มสูงขึ้นและธปท.ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม ส่วน upside risk จะมาจากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น เพราะจะช่วยกระตุ้นการบริโภค รวมถึงความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล