ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

จับตา CPALL ประกาศงบพรุ่งนี้! ส่องคาดการณ์กำไร Q4/67

 

          หุ้นวิชั่น – จับตา CPALL ประกาศงบพรุ่งนี้! ส่องคาดการณ์กำไร Q4/67 “CPALL” 

บล.กสิกรไทย

          บล.กสิกรไทย คาดว่า CPALL จะรายงานกำไรไตรมาส 4/2567 ที่ 6.6 พันล้านบาท (+19.3% YoY, +16.9% QoQ) การเติบโตYoY และ QoQ ได้แรงหนุนจากการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เป็นบวกประมาณ 3.5% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (RTE) และผลิตภัณฑ์พร้อมดื่ม (RTD) ในช่วงเทศกาลกินเจ งานกฐิน และฤดูกาลท่องเที่ยว รวมถึงผลประกอบการของ CPAXT ที่ดีขึ้น YoY ดังนั้นคาดการณ์กำไรปี 2567 ที่ 2.47 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.8% YoY

การดำเนินงาน คาดการณ์ว่ายอดขายรวมของ CPALL ในไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 2.476 แสนล้านบาท (+6.0% YoY, +5.8% QoQ)

          คาดว่ายอดขายรวมของธุรกิจ CVS ในไตรมาส 4/2567 จะเพิ่มขึ้น 2% YoY และ 3.6% QoQ เป็น 1.118 แสนล้านบาท ในขณะเดียวกันคาดว่ายอดขายสินค้าจาก CPAXT จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 แสนล้านบาท (+6.3% YoY, +9.4% QoQ) คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะอยู่ที่ 23.5% เพิ่มขึ้น 130bps YoY และ 80bps QoQ โดยได้รับแรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT ขณะที่ GPM ของ CVS คาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY และทรงตัว QoQ ซึ่งสะท้อนถึงยอดขายสินค้า RTE ที่มีอัตรากำไรสูงที่เพิ่มขึ้นและส่วนแบ่งยอดขายผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ของธุรกิจ CVS คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% YoY และ 2% QoQ เป็น 3.23 หมื่นล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการเติบโตของยอดขาย โดยเราประเมินว่าอัตราส่วน SG&A ต่อรายได้จะเพิ่มขึ้น 80bps YoY แต่ลดลง 10bps QoQ เป็น 20.6% ของฐานยอดขาย

          ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568-2569 เคาดว่า SSSG ของธุรกิจ CVS ในปี 2568 จะเติบโตในอัตราปานกลางที่ 3% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่คาดว่ายอดขายจะเติบโตในอัตราที่แข็งแกร่งขึ้นที่ 5.6% จากการขยายสาขาใหม่จำนวนมากขึ้น โดยเรามองในแง่ดีเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นจากยอดขายสินค้ากลุ่ม RTE และ RTD นอกจากนี้ เมื่อรวมการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ CPAXT ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2568-2569 ขึ้น 7.3% และ 7.9% เป็น 2.78 หมื่นล้านบาท และ 3.16 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ CPAXT และ GPM ของกลุ่ม CVS ที่แข็งแกร่งกว่าคาดตั้งแต่ไตรมาส 3/2567 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่ดีของสินค้ากลุ่ม RTE และ RTD

          แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท  ราคาเป้าหมายอิงวิธีคิดลดเงินสด (DCF) ที่ 78.0 บาท ลดลงจาก 80.0 บาท ด้วยอัตราคิดลดที่ 7.9% จากเดิม 7.7% ราคาเป้าหมายของเราสะท้อนถึง PER ปี 2568 ที่ 26.0 เท่า หรือประมาณ -1.0SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ในอดีต

FSSIA

          บลป.เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล คาดการณ์กำไรหลักในไตรมาส 4/2567 ที่ 6.5 พันล้านบาท (+6% q-q, +16% y-y) การเติบโต q-q หนุนโดย CPAXT และการเติบโต y-y หนุนโดยยอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ขยายตัวในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยคาดว่ายอดขายรวมจะเติบโต 5% y-y หนุนโดยทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะยอดขายจากร้านสะดวกซื้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9% y-y จาก SSSG ที่ 3.8% สะท้อนถึงการใช้จ่ายต่อบิลที่สูงขึ้นและการเข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้น คาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นของร้านสะดวกซื้อที่ 29.1% ในไตรมาส 4/2567 (3Q2567 : 29.1%, 4Q2566 : 28.7%) ทรงตัว q-q แต่เพิ่มขึ้น 40bps y-y จากยอดขายสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง เช่น อาหารพร้อมทาน (RTE), ขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น

          นอกจากนี้ FSSIA ยังคงประมาณการกำไรหลักปี 2567 เพิ่มขึ้น 2% เป็น 24.9 พันล้านบาท (+37% y-y) และปรับประมาณการปี 2568-2569 ขึ้นเล็กน้อย 1% เป็น 27.8 พันล้านบาท (+12% y-y) และ 31.6 พันล้านบาท (+13% y-y) ตามลำดับ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าที่คาดไว้สำหรับร้านสะดวกซื้อ ค้าส่ง และค้าปลีก โดยในปี 2568 คาดว่าธุรกิจร้านสะดวกซื้อจะรักษาโมเมนตัมการเติบโต โดยคาดการณ์ SSSG ที่ 3%, การขยายสาขาใหม่ 700 แห่งในประเทศไทย (+5% y-y) และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 10bps เป็น 29.2%

คำแนะนำและราคาเป้าหมาย: คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ 83 บาท

          FSSIA คงคำแนะนำ “ซื้อ” CPALL ที่ราคาเป้าหมาย 83 บาท โดยมองว่า valuation ยังคงน่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ 18x 2025E P/E นอกจากนี้ CPALL จะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคของรัฐบาล รวมถึงโครงการ Easy E-Receipt และเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ ตลอดจนแนวโน้มขาลงของค่าไฟฟ้า

บล.หยวนต้า

          บล.หยวนต้า คาด กำไรปกติงวดไตรมาส 4/67 ของ CPALL อยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท เติบโต 7% จากไตรมาสก่อน หรือ QoQ จากไฮซีซั่นของการบริโภคและเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากยอดขายต่อสาขาเดิมหรือ SSSG ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อหรือ CVS เพิ่มขึ้น 50 bps จาก Product mix สัดส่วนยอดขายสินค้ามาจิ้นสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

          ส่วนแนวโน้มไตรมาส 1/68 คาดว่ากำไรปกติชะลอตัว QoQ แต่ยังเติบโต YoY ได้ต่อเนื่อง เพราะการบริโภคที่เพิ่มขึ้น จำนวนสาขาใหม่และอัตรากำไรขั้นต้นหรือ GPM ที่ดีขึ้น

          ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2568-2569 ขึ้น 2-3% เป็นคาดอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% และ 2.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% ตามลำดับ สาเหตุหลักจากการปรับประมาณการของ CPAXT ซึ่ง CPALL ถือหุ้น 60% สะท้อนการลดต้นทุนหลังการควบรวมกิจการที่จะเกิดขึ้นเร็วและมากกว่าคาด

          กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำซื้อหุ้น CPALL โดยได้ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 81.50 บาทต่อหุ้น จากเดิมอยู่ที่ 81.00 บาท ซึ่งปัจจุบันหุ้นซื้อขายบนพี/อี เรโชปี 2568 ที่ 19 เท่า ใกล้เคียง -2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี จึงมองว่าหุ้นไม่แพง และมี Downside ที่จำกัด

บล.พาย

          บล.พาย คาดรายงานกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/2567 ที่ 6.4 พันล้านบาท (+16%YoY, +14%QoQ) หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ ธุรกิจร้าน สะดวกซื้อ (7-Eleven) ที่ +3.2% ในไตรมาส 4/2567 เทียบกับ +3.3% ในไตรมาส 3/2567 และ +3.6% ในไตรมาส 4/2566 ผลจากจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันที่คาดว่าจะ เพิ่มขึ้นเป็น 990 คน (+3%YoY) ในไตรมาส 4/2567 จาก 965 คนในไตรมาส 4/2566 ตามแนวโน้มจำนวนลูกค้านักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นขึ้น และการเพิ่มสินค้า ประเภทอาหารพร้อมทาน ขนม และสินค้าจาก SME ส่วนยอดขายต่อ บิลคาดทรงตัว YoY และ QoQ ที่ 84 บาทต่อบิล ในไตรมาส 4/2567

          คาดเปิดสาขาใหม่ 192 แห่งระหว่างไตรมาส (+5%YoY) ทำให้มีจำนวน สาขารวม ณ สิ้นไตรมาส 4/24 ที่ 15,245 สาขา คาดรายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) มาจากกลุ่มอาหาร คิด เป็นสัดส่วน 76.3% ในไตรมาส 4/2567 เพิ่มจาก 75.4% ในไตรมาส 4/2566 และ ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และ จำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น

          คาดอัตรากำไรขั้นตันจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นขึ้นเป็น 27.6% ในไตรมาส 4/2567 จาก 26.8% ในไตรมาส 4/2566 หนุนจาก 1) อัตรากำไรกลุ่มสินค้า อาหารที่แข็งแกร่งเป็น 27.2% ในไตรมาส 4/2567 จาก 26.4% ในไตรมาส 4/2566 ผล จากสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทานที่เพิ่มขึ้น และ 2) อัตรากำไรกลุ่มสินค้าอื่นนอกจากอาหาร ขยายตัวเป็น 29.0% ในไตรมาส 4/2567 จาก 28.2% ในไตรมาส 4/2566 จากสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์ส่วน บุคคลที่สูงขึ้น ขณะที่สัดส่วนสินค้าประเภทบุหรี่ที่มีอัตราทำไรต่ำจะ ลดลง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมจะขยายตัว 80 bps YoY ในไตรมาส 4/2567 ใกล้เคียงกับอัตรากำไรขั้นต้นของ CPAXT ที่ขยายตัว 70 bps YoY ในไตรมาส 4/2567

          อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขาย สำหรับส่วน ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นเป็น 29.7% ในไตรมาส 4/2567 จาก 29.4% ในไตรมาส 4/2566 และ Consolidated SG&A-to-sales ratio ของ CPALL เพิ่มขึ้นเป็น 20.4% ในไตรมาส 4/2567 จาก 19.8% ในไตรมาส 4/2566 ผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเติบโตของ Omni Channel

          ขณะที่คาดผลประกอบการจากธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งกายใต้ CPAXT จะขยายตัว 18%YoY ในไตรมาส 4/2567 ผลจากการเติบโตของ ยอดขายสาขาเดิม (Makro +1.0% และ Lotus’s +1.5%) ในไตรมาส 4/2567

          คงคำแนะนำ “ซื้อ” แนวโน้ม SSSG สดใสต่อเนื่องในไตรมาส 1/2568 มูลค่าพื้นฐานที่ 80.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) ด้วย WACC 8.0%, TG 2.0% เทียบเท่า 27xPE’25E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มพาณิชย์ไทย

 

 

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

[Vision Exclusive] ผ่าความจริง AMATA ย้ำเป้ายอดขาย

[Vision Exclusive] ผ่าความจริง AMATA ย้ำเป้ายอดขาย

[Vision Exclusive] หุ้นไทยมีแววพักฐาน WHA สัญญานดีดคืน

[Vision Exclusive] หุ้นไทยมีแววพักฐาน WHA สัญญานดีดคืน

[Vision Exclusive] SNNP ติดลมบน! ทะยานเข้า SET100

[Vision Exclusive] SNNP ติดลมบน! ทะยานเข้า SET100

เปิดโผหุ้น Yield  สูง 5% 16 หลักทรัพย์ท็อปฟอร์ม

เปิดโผหุ้น Yield สูง 5% 16 หลักทรัพย์ท็อปฟอร์ม

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด