หุ้นวิชั่น – โบรกประเมิน BGRIM คาดกำไรปกติ 4Q67 ที่ระดับ 400-450 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2568 คาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ระดับ 2,532 ล้านบาท เติบโตราว 12% จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ปริมาณขายไฟฟ้ากลุ่ม IU เติบโตต่อเนื่อง พร้อมรับรู้รายได้จากโครงการลมในเกาหลีใต้และโครงการใหม่เพิ่มเติม เดินหน้าขยายฐานสู่อุตสาหกรรม Data Center รองรับความต้องการไฟฟ้าสูง ชี้ราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบแล้ว เหมาะสำหรับทยอยสะสมลงทุนระยะยาว เป็นจังหวะทยอยสะสมรอบใหม่
บล .หยวนต้า ระบุถึง เป็นจังหวะทยอยสะสมรอบใหม่ BGRIM ว่า เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q67 ที่ระดับ 400-450 ล้านบาท ลดลง QoQ จากฐานที่สูง เนื่องจาก:
- ปริมาณขายไฟฟ้าที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล (การเข้าสู่ช่วงวันหยุดสิ้นปีทำให้กลุ่ม IU มีการใช้ไฟฟ้าน้อยลง)
- คาดว่ารายได้จากการก่อสร้างโครงการลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50-100 ล้านบาท จาก 231 ล้านบาทในช่วง 3Q67 (รับรู้ตามความคืบหน้าของโครงการ)
- ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่คาดว่าลดลงกลับมาสู่ระดับปกติ หลังค่าเงินบาทฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ +/- จากราว 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงสิ้น 3Q67
อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรปกติจะยังสามารถเติบโต YoY จาก:
- ปริมาณการขายไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโต YoY ตามการเชื่อมต่อกับกลุ่ม IU ใหม่อีกราว 10-15MW
- การไม่ได้รับผลกระทบจากการตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ระดับ 3.99 บาท/หน่วยเหมือนปีก่อน
กำไรเร่งตัวขึ้นในปี 2568 จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลงและโครงการใหม่
ในปี 2568 คาดว่ากำไรปกติจะอยู่ที่ระดับ 2,532 ล้านบาท เติบโตราว 12% YoY แม้ว่ารัฐบาลจะปรับลดค่าไฟฟ้าสำหรับงวด ม.ค.–เม.ย. 2568 ลงเป็น 4.15 บาท/หน่วย แต่ได้รับแรงหนุนจาก:
- ต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่คาดว่าจะปรับลดลงต่อเนื่อง ตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและปริมาณการส่งออก LNG ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น
- ปริมาณขายไฟฟ้ารวม (โดยเฉพาะกลุ่ม IU) ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามกระแสการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการต่างชาติ (คาดว่าโรงงานที่สร้างในปี 2565-2566 เริ่มเสร็จสิ้นและทยอย COD)
- การเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการใหม่
- การเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลม Nakwol 1 ขนาด 179MWe ในเกาหลีใต้ ที่เริ่มทยอย COD ตั้งแต่ต้น 2H68 และครบโครงการภายในสิ้นปี 2568
Data Center จะเข้ามาหนุนการเติบโตของ BGRIM ในระยะถัดไป
กระแสการลงทุนในอุตสาหกรรม Data Center ของผู้ประกอบการต่างชาติในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จะผลักดันให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง (ความต้องการไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูง 24 ชั่วโมง และมากกว่าอุตสาหกรรมการผลิตทั่วไป) ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขายไฟฟ้ากับ Data Center จำนวน 4-5 ราย กำลังผลิตรวมราว 300-500MW และยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนธุรกิจ Data Center ผ่านการทำ M&A ราว 40-100MW โดยใช้เงินลงทุน 5-7 พันล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 2568
ราคาปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว…เป็นจังหวะทยอยสะสมรอบใหม่
คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 32.00 บาท/หุ้น โดยราคาหุ้นที่ปรับลง 19% QTD สะท้อนปัจจัยลบ เช่น การปรับลดค่าไฟฟ้างวด ม.ค.–เม.ย. 2568 และการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดที่ล่าช้ากว่าคาดไปมากแล้ว ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน PER 2568 ที่ 20.1 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย Forward PER ย้อนหลัง 7 ปี (ยกเว้นปี 2565 ซึ่งได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต -2.9SD ขณะที่ผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับการลงทุนระยะยาว