ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

[Vision Exclusive] CHOW ชูธงโฮลดิ้งต่อยอด

          รู้หรือไม่! บริษัทเชาว์สตีลอินดัสทรี้จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 21 ธันวาคม 2554 โดยดำเนินธุรกิจประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet)  และพัฒนาการที่สำคัญต่อมา ประมาณปี 2556 CHOW จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อลงทุน การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงาน

          ล่าสุด CHOW ปรับโครงสร้างกิจการของบริษัท เป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการลงทุน (Holding Company) ถือหุ้นในธุรกิจเดิมที่มีอยู่ผ่านบริษัทย่อย สำหรับธุรกิจเหล็กได้ตั้งบริษัทย่อย บริษัท เชาว์ สตีล แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ขึ้นมาดำเนินธุรกิจเหล็กในเครือ CHOW ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าทำธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2567

          ภายหลังการรับโครงสร้างกิจ CHOW จะมีสถานเป็นบริษัท โฮลดิ้ง ที่ลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเหล็กถือหุ้นผ่าน บริษัท เชาว์ สตีล แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ในสัดส่วน 99.99% ธุรกิจพลังงานทดแทนถือหุ้นผ่าน บริษัท  เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 87.36% และธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลผ่าน บริษัท กัปตัน แคช โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 76% ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ ที่ได้ดำเนินธุรกิจมาแล้วประมาณ 2 ปี หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการในปี 2564

          ปัจจุบันกลุ่มบริษัท CHOW มีธุรกิจหลัก 2 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กแท่งยาว (Steel Billet) และธุรกิจพลังงานซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัท

          การปรับโครงสร้างเป็น Holding Company ของ CHOW ไม่เพียงแค่เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ แต่ยังมุ่งเน้นธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวทางสิ่งแวดล้อม ผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย สอดคล้องกับทิศทางของหน่วยงานและองค์กร ต่างๆ ที่หันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดย CHOW มุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนและพัฒนาแนวทางธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างยั่งยืนในอนาคต

          นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัทเชาว์สตีลอินดัสทรี้จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า การปรับโครงสร้างภายในองค์กรจะช่วยให้ภาพรวมของธุรกิจที่มีอยู่ 2-3 ธุรกิจชัดเจนยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน CHOW มีรายได้หลักจาก 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเหล็กแท่งยาว และธุรกิจพลังงาน ส่วนธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลไม่ได้มีนัยสำคัญต่อบริษัทมากนัก

          การปรับโครงสร้างังกล่าวีเป้าหมายเพื่อลดข้อำกัดในการลงทุนสำหรับผู้ที่สนใจในธุรกิจของ CHOW โดยทำให้แต่ละธุรกิจมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมรองรับการขยายตัวและสร้างโอกาสทางธุรกิจ

          ในปี 2567 ธุรกิจเหล็กยังคงเผชิญกับการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำกว่า ไม่ว่าจะเป็นด้านค่าแรงหรือการผลิตภายในประเทศ ทำให้การนำเข้าเหล็กมีต้นทุนที่ถูกกว่า อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่าราคาเหล็กได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ประกอบกับการฟื้นตัวของตัวเลขเศรษฐกิจและกลไกการลงทุนที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณจากภาครัฐที่เริ่มดำเนินการ ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในงานสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น

          ในปี 2567 บริษัทคาดว่ายอดขายเหล็กจะเติบโตในอัตราเลขสองหลัก (2Digit Growth) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากการเบิกจ่ายงบประมาณและความต้องการใช้เหล็กในตลาดที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทได้ปรับปรุงเครื่องจักรในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้สามารถแข่งขันด้านราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นการบริหารจัดการอย่างรัดกุม โดยขยายฐานลูกค้าด้วยความระมัดระวัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการเงินและลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องอย่างมีประสิทธิภาพ

          ส่วนธุรกิจพลังงานมีแนวโน้มการเติบโตสูงขึ้น สอดคล้องกับการขยายตัวของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทที่มีเป้าหมายในพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตยไม่น้อยกว่า 250 เมกะวัตต์ในปี 2567 โดยโครงการโรงไฟฟ้าที่ COD แล้วรวม 46.74 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะทยอย COD เพิ่มเติมภายในปี 2567 อีกไม่น้อยกว่า 50 เมกะวัตต์

          ทั้งนี้ ผลประกอบการ CHOW ในไตรมาส 2/2567 มีกำไรสุทธิ 39.53 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 9.42 ล้านบาท โดยสามารถพลิกมีกำไรได้ 48.96 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 519.5%

          สำหรับผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 129.91 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 12.9 ล้านบาท ส่งผลให้ลิกกลับมามีกำไรได้ถึง 142.89 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นางแรงที่ 1,107%

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

[Vision Exclusive] TQR จุดเปลี่ยนประกัน! แผ่นดินไหวกระตุ้นดีมานด์

[Vision Exclusive] TQR จุดเปลี่ยนประกัน! แผ่นดินไหวกระตุ้นดีมานด์

[Vision Exclusive] CRD ซ่อมบ้านแผ่นดินไหว  ลุ้นโครงการใหม่ 500 ล้าน

[Vision Exclusive] CRD ซ่อมบ้านแผ่นดินไหว ลุ้นโครงการใหม่ 500 ล้าน

DEXON ยกระดับมาตรฐาน ซ่อมบำรุง Offshore Platform

DEXON ยกระดับมาตรฐาน ซ่อมบำรุง Offshore Platform

[ภาพข่าว]

[ภาพข่าว] "เอกพงศ์" บิ๊ก MOTHER นั่งประธานหอการค้ากระบี่คนใหม่

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด