หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน SCB EIC เผย ส่งออก ก.พ. 2025 โตสูงจากทองคำ อิเล็กทรอนิกส์ และความกังวลสงครามการค้า มองส่งออก มี.ค. ยังมีแรงส่งต่อเนื่อง
มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.พ. 2025 เร่งตัวสูงถึง 14%YOY อยู่ที่ 26,707.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องจาก 13.6% ในเดือนก่อนใกล้เคียงที่คาดไว้ (SCB EIC ประเมินที่ 17.0% และค่ากลาง Reuter Poll 9.7%) โดยภาพรวมการส่งออกไทยช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ขยายตัว 13.8%
การส่งออกทองคำและประเด็นพิเศษทองคำยังคงเป็นปัจจัยหนุนการส่งออกที่สำคัญในเดือน ก.พ. 2025 โดยการส่งออกสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ ขยายตัวมากถึง 4,160% ต่อเนื่องจาก 3,418% ซึ่ง SCB EIC ประเมินว่า เกือบทั้งหมดเป็นการส่งออกทองคำในรูปของทองคำผสมแพลทินัมในสัดส่วนน้อยไปยังตลาดอินเดียเพื่อประโยชน์ทางภาษีของผู้นำเข้าอินเดีย[1] ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. และชัดเจนขึ้นในเดือน ธ.ค. ปี 2024 ที่ขยายตัวมากถึง 524,302% นอกจากนี้ การส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูปยังขยายตัวสูงมากถึง 26.1% ต่อเนื่องจาก 148.9% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะตลาดสวิตเซอร์แลนด์ (339.5%) ตลาดสิงคโปร์ (277.1%)
การส่งออกทองคำ รวมถึงสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัดนี้ มีส่วนทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยเดือน ก.พ. 2025 ขยายตัวมากถึง 6.1% ทั้งนี้หากพิจารณามูลค่าการส่งออกที่ไม่รวมทองคำและสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ นี้ (เพื่อให้สะท้อนกิจกรรมการส่งออกที่เกิดขึ้นจริง) พบว่าขยายตัวที่ 8.2% (เทียบกับเดือนก่อนที่ 6.2%)
นอกจากปัจจัยทองคำ การส่งออกไทยเดือนนี้ยังคงได้รับแรงส่งจากวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้นและการเร่งส่งออกก่อนนโยบายกีดกันการค้าสหรัฐฯ ต่อเนื่องจากเดือนก่อน ประกอบกับการนำเข้าของจีนที่เพิ่มขึ้นหลังเทศกาลตรุษจีน สะท้อนจาก (1) การส่งออกคอมพิวเตอร์ขยายตัวมากถึง 51.3% ต่อเนื่องจาก 45% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ (35.2%) และตลาดจีน (230.3%) (2) การส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัวมากถึง 18.2% และขยายตัวทั่วถึงหลายกลุ่มสินค้าหลัก โดยเฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (35.3%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (92.8%) ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับสงครามการค้าโดยตรง และ (3) การส่งออกไปจีนขยายตัวมากถึง 22.4% โดยขยายตัวดีในหลายสินค้า โดยเฉพาะสินค้าขั้นกลางที่ไทยส่งออกไปจีนและเกี่ยวเนื่องกับห่วงโซ่การผลิตจีนที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง (41.6%) ยางพารา (69.8%) เคมีภัณฑ์ (50.5%) รวมถึงการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบไปจีนขยายตัวดี (230.3%)
สินค้าอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวดี ขณะที่สินค้าเกษตร สินค้าแร่และเชื้อเพลิงหดตัวในเดือน ก.พ.
หากพิจารณารายหมวด พบว่า (1) สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 17.2% เติบโตดีต่อเนื่องนานเกือบปี โดยอัญมณี และเครื่องประดับหักทอง ทองคำยังไม่ขึ้นรูป เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ
และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เป็นสินค้าหลักที่ขยายตัว ขณะที่เหล็ก รถจักรยานยนต์ และส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นสินค้าหลักที่หดตัว ทั้งนี้หากหักทองคำและสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมจะขยายตัว 10% (2) สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวสูง 9.9% เทียบเดือนก่อนที่ 3% โดยน้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัวดี ขณะที่เนื้อสัตว์และของปรุงแต่งที่ทำจากเนื้อสัตว์หดตัว (3) สินค้าเกษตรหดตัว -1.6% หดตัวน้อยลงจากเดือนก่อนที่หดตัว -2.2% โดยยางพาราและสินค้าปศุสัตว์อื่น ๆ เป็นสินค้าที่ขยายตัวดี ขณะที่ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และข้าวหดตัว และ (4) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงกลับมาหดตัวสูง -11.5% หลังจากขยายตัวเล็กน้อย 0.3% ในเดือนก่อน โดยน้ำมันสำเร็จรูปยังคงหดตัว -3.6% เทียบเดือนก่อนที่หดตัว -4.3% ซึ่งเป็นการหดตัวต่อเนื่องนาน 6 เดือนแล้ว
ตลาดอินเดีย และสวิตเซอร์แลนด์ยังคงขยายตัวดีจากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ และจีนได้แรงหนุนจากคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ
หากพิจารณารายตลาดหลัก พบว่า (1) ตลาดอินเดียขยายตัว 156.8% สูงกว่าเดือนก่อนที่ขยายตัว 129.8% โดยการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวสูงถึง 2,066% หรือราว 62% ของมูลค่าการส่งออกไปอินเดียทั้งหมดในเดือนนี้ ซึ่งหากพิจารณาปัจจัยพิเศษ พบว่า ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ ไปอินเดียสูงถึง 1,224.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวต่อเนื่องมากถึง 111,202% (ซึ่งเติบโตสูงมากถึง 524,302% และ 241,819%
ในเดือน ธ.ค. 2024 และ ม.ค. 2025 ตามลำดับ) ซึ่งคิดเป็น 96% ของการส่งออกสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ ทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ (2) ตลาดสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวสูง 235.7% แม้ชะลอลงจาก 852.7% เดือนก่อน ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งขยายตัวสูง 311% คิดเป็น 93% ของมูลค่าส่งออกไทยทั้งหมดไปสวิตเซอร์แลนด์เดือนนี้ โดยการส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูปมีมูลค่ามากถึง 701 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวมากถึง 339.5% (คิดเป็น 75.1% ของการส่งออกทองคำไม่ขึ้นรูปทั้งหมดของไทยในเดือนนี้)(3) ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวดีต่อเนื่อง 18.2% ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ 22.4% โดยสินค้าส่งออกอิเล็กทรอนิกส์สำคัญ เช่น เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ แผงสวิตช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบยังคงขยายตัวสูงต่อเนื่อง 92.8%, 75.2% และ 35.3% ตามลำดับ ขณะที่หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบหดตัว -13.3% หลังจากขยายตัวสูง 33.7% ในเดือนก่อน นอกจากนี้ การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับยังขยายตัวสูงมากถึง 41.1% ขยายตัวติดต่อกันถึง 14 เดือน (4) ตลาดจีนขยายตัวสูง 22.4% เทียบเดือนก่อนที่ 13.2% แรงส่งหลักมาจากการส่งออกสินค้ากลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง ยางพารา และเคมีภัณฑ์ ที่ขยายตัวมากถึง 230.3%, 41.6%, 69.8% และ 50.5% ตามลำดับ (ราว 38% ของมูลค่าส่งออกไทยไปจีน) และจีนกลับมานำเข้าไทยสูงขึ้นหลังหมดเทศกาลตรุษจีน (5) ตลาดยุโรปเติบโตชะลอลงเหลือ 4.4% จาก 13.2% เดือนก่อน จำนวนสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวได้ในตลาดนี้เหลือเพียง 7 ใน 15 รายการสำคัญ (เทียบ 10 รายการในเดือนก่อน) โดยเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยางเป็นสินค้าหลักที่หดตัว ขณะที่การส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นสินค้าหลักที่ขยายตัว (66.2%) และ (6) ตลาด CLMV กลับมาหดตัว -1.7% ครั้งแรกในรอบ 14 เดือน (เทียบเดือนก่อนขยายตัว 5.2%) ปัจจัยหลักมาจากการส่งออกไปกัมพูชาหดตัวสูง -40.7% โดยเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับหดตัว -91.9% (ส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูปหดตัว -92%) น้ำมันสำเร็จรูปหดตัว -22.1% เทียบการขยายตัวสูง 25.3% ในเดือนก่อน (2 สินค้าข้างต้นมีสัดส่วนราว 26% ของมูลค่าส่งออกไทยไปกัมพูชาทั้งหมดในเดือนนี้) ทั้งนี้การส่งออกไปยังเวียดนาม เมียนมา และ สปป.ลาว ยังคงขยายตัวดี 37.3%, 6.1% และ 4.3% ตามลำดับ
นำเข้าโตต่อเนื่อง 8 เดือน แม้มีปัจจัยฐานสูงจากการนำเข้าทองคำ
มูลค่าการนำเข้าสินค้าไทยเดือน ก.พ. อยู่ที่ 24,718.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวชะลอลงเหลือ 4% (SCB EIC ประเมิน 4.8% เท่ากับค่ากลางของ Reuter Poll) เทียบการนำเข้าเดือนก่อนที่โตราว 7.9% การนำเข้าขยายตัวต่อเนื่อง 8 เดือน อย่างไรก็ดี การนำเข้าหักทองคำลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่ -0.5% สะท้อนว่าช่วงปีก่อนไทยนำเข้าทองคำเพิ่มขึ้นมาก เพื่อส่งออกต่อหรือเพื่อเติมสินค้าคงคลังจากการส่งออกทองคำและทองคำผสมเพิ่มขึ้นมาก แม้การนำเข้าสินค้าทุน ยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง และสินค้าเชื้อเพลิงหดตัว -11.8% -8.6% และ -5.7% ตามลำดับ การนำเข้าอาวุธและยุทธปัจจัย สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (รวมทองคำ) สินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 143.5%, 12.8% และ 10.3% ตามลำดับ ตัวเลขดุลการค้า (ระบบศุลกากร) เกินดุล 1,988.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ก.พ. และเกินดุลรวม 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2025
SCB EIC ประเมินแนวโน้มส่งออกไทยขยายตัวดีในช่วงครึ่งปีแรก แต่ทั้งปีจะขยายตัวชะลอลงเหลือ 1.6% ผลจากสงครามการค้ากระทบส่งออกช่วงครึ่งปีหลัง
SCB EIC ประเมินว่า มูลค่าการส่งออกเดือน มี.ค. จะยังขยายตัวได้ดี จากอานิสงส์วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น แนวโน้มการเร่งสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าก่อนนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ การส่งออกทองคำ รวมถึงทองคำ
ในรูปแบบโลหะอื่นไปยังอินเดียก่อนรัฐบาลอินเดียจะเริ่มปรับปรุงเกณฑ์ช่องว่างการนำเข้าทองคำ นอกจากนี้ ปัจจัยฐานต่ำเดือน มี.ค. 2024 หดตัวสูง -10.5% จะสนับสนุนการส่งออกในเดือน มี.ค. ปีนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ทิศทางการส่งออกไทยมีแนวโน้มชะลอลงมากในไตรมาส 2 และจะหดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ผลจากการใช้นโยบายกีดกันการค้า การลงทุน และการอพยพและการเคลื่อนย้ายแรงงาน ที่จะเกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะการกีดกันจากสหรัฐฯ ส่งผลให้เศรษฐกิจและบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลง รวมถึงผล Front load การเร่งผลิตและส่งออกช่วงปลายปีก่อนและต้นปีนี้จะทยอยหมดลง อานิสงส์วัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้นเริ่มลดลง นอกจากนี้ ปัจจัยฐานสูงจากช่วงครึ่งหลังของปี 2024 จะกดดันการส่งออกในครึ่งหลังของปี เนื่องจากมูลค่าการส่งออกไทยขยายตัวมากถึง 7.5% และ 10.5% ในไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2024 ตามลำดับ เทียบกับครึ่งแรกของปี 2024 ที่ 1.9% (ตัวเลขระบบศุลกากร)
ในภาพรวม SCB EIC ประเมินแนวโน้มมูลค่าส่งออกไทยปี 2025 อยู่ที่ 1.6% (ณ มี.ค. 2025) ต่ำลงจากเดิม 2% (ณ พ.ย. 2024) (ข้อมูลระบบดุลการชำระเงิน) และต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์และรัฐบาลที่ราว 3-3.5% เนื่องจาก SCB EIC ประเมินว่า ปัจจัยสนับสนุนการส่งออกไทยในไตรมาสแรกส่วนมากเป็นปัจจัยชั่วคราว เช่น
การส่งออกทองคำผสมโลหะไปอินเดีย ขณะที่แรงกดดันต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกจะเพิ่มขึ้นมากในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะไตรมาส 4
[1] รัฐบาลอินเดียได้ปรับปรุงอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้าทองคำ เงิน แพลทินัม อัญมณี และเครื่องประดับในช่วงปี 2022 – 2024 ทำให้เกิดช่องว่างทางกฎหมายที่ผู้นำเข้าอินเดียหันมานำเข้าทองคำผสมแพลทินัมจากแทนซาเนีย แอฟริกาใต้ และไทยมากขึ้น ภายใต้เกณฑ์อัตราภาษีนำเข้า 0% ตาม Duty Free Tariff Preference (DFTP) Scheme by India for Least Developed Countries และความตกลงการค้าเสรี อาเซียน – อินเดีย (อ่านเพิ่มเติมได้ในบทวิเคราะห์ SCB EIC Flash : ตัวเลขส่งออก ม.ค. 2025 ขับเคลื่อนจากทองคำ วัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น การเร่งส่งออกหวั่นสงครามการค้า)
บทวิเคราะห์โดย https://www.scbeic.com/th/detail/product/trade-210325
ผู้เขียนบทวิเคราะห์
ภาวัต แสวงสัตย์ (pawat.sawaengsat@scb.co.th)
นักเศรษฐศาสตร์
วิชาญ กุลาตี (vishal.gulati@scb.co.th)
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส