ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

พาณิชย์เกาะติด รับมือนโยบายทรัมป์ เริ่มงานวันแรก

           นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ เนื่องจากการดำเนินนโยบายของสหรัฐฯ ย่อมมีผลกระทบต่อวงการเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของโลกและของประเทศไทย จึงมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ติดตามและประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ต่อการค้าโลกและไทยที่คาดว่าจะเกิดขึ้น   มาต่อเนื่อง ทั้งการประกาศนโยบายการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีน แคนาดา เม็กซิโก และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก การปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ ตลอดจนการดึงการลงทุนกลับไปยังสหรัฐฯ เพื่อสร้างการจ้างงานภายในประเทศ

           สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย มีสัดส่วนราว 18% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด โดยปี 2567 มีมูลค่า 54,956.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้า สหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 4 ของไทย มีสัดส่วนราว 6% ของมูลค่านำเข้าทั้งหมด หรือมีมูลค่า 19,528.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรวมไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ 35,427.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อยู่อันดับที่ 12 ของโลก โดยกลุ่มสินค้าไทยที่มีความเสี่ยงอาจถูกสหรัฐฯ พิจารณาใช้มาตรการทางภาษีมีประมาณ 29 กลุ่มสินค้า เนื่องจากพบสถิติการค้าที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับไทยมากขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 61 – 66) เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, เครื่องโทรศัพท์มือถือ, ไดโอด ทรานซิสเตอร์และอุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลล์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่, หม้อแปลงไฟฟ้า เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดอยู่คงที่,  เครื่องปรับอากาศ, เครื่องพิมพ์ที่ป้อนกระดาษเป็นม้วน, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, วงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณและส่วนประกอบของของดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีรายการกลุ่มสินค้าอื่น ๆ ที่อาจมีฃความเสี่ยงโดนเก็บภาษีเช่นกัน เช่น เครื่องจักรไฟฟ้า ตู้เย็นตู้แช่แข็ง เฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์จากไม้ รวมถึงสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปบางรายการ อาทิ ปลาสด แช่เย็น แช่แข็ง ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมจากโกโก้ ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ  เองก็ได้จับตาประเทศที่มีกลุ่มทุนจีนเข้าไปลงทุนเพื่อตั้งฐานการผลิต เพราะต้องการเลี่ยงสงครามการค้า และมาตรการทางภาษีจากสหรัฐฯ  โดยประเทศปลายทางที่จีนเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม (Greenfield FDI) มากเป็น 10 อันดับแรก ในปี 66 ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย เวียดนาม โมร็อกโก คาซัคสถาน อียิปต์ อินโดนีเซีย อาร์เจนตินา เซอร์เบีย และเม็กซิโก

           สำหรับในมุมของเศรษฐกิจโลกปี 2568 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกไว้ที่ 3.3% และยังมองว่า เศรษฐกิจโลกยังคงมีเสถียรภาพและได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาที่เติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดยเติบโตอยู่ที่ 4.2% ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วเติบโตที่ 1.7% อย่างไรก็ดี ไอเอ็มเอฟได้เตือนถึงความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกว่า ในระยะปานกลางเศรษฐกิจโลกอาจเผชิญกับความเสี่ยงนโยบายเศรษฐกิจในลักษณะที่เป็นการปกป้องที่เข้มข้นขึ้น (protectionist policies) โดยเฉพาะนโยบายการปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่อาจนำไปสู่การลดลงของการลงทุน ลดทอนความมีประสิทธิภาพของตลาด เบี่ยงเบนทิศทางการค้า และอาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ที่ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจและมาตรการที่นำไปสู่การเบี่ยงเบนทางการค้า (trade-distorting measures) จะทำให้เกิดความเสี่ยงของการค้าโลก และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งเวิลด์แบงก์ได้ปรับประมาณการปริมาณการค้าโลกขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เหลือ +3.1% สำหรับเศรษฐกิจและการส่งออกไทยและอาเซียน คาดว่าจะส่งผลให้ขยายตัวลดลงเช่นกัน

           นายพูนพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ จะออกมาให้เห็นชัดเจนมากขึ้น ภายหลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (The United States Trade Representative) หรือ USTR เรียบร้อย โดยจะเป็นหน่วยงานที่ดูแลการพิจารณาและออกประกาศมาตรการทางการค้าต่าง ๆ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยมีแผนที่จะนำคณะผู้บริหารเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือกับผู้บริหารระดับสูงของสหรัฐฯ ชุดใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อการเจรจาขอยกเว้นการขึ้นภาษีสินค้าจากไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อาคารเครือซีพีฉลุย  สู่โหมดทำงานปกติ

อาคารเครือซีพีฉลุย สู่โหมดทำงานปกติ

พีระพันธุ์ สั่งลุยตรวจปั๊มเตรียมความพร้อมบริการประชาชน

พีระพันธุ์ สั่งลุยตรวจปั๊มเตรียมความพร้อมบริการประชาชน

ทรู มูฟ เอช ชำระคลื่นความถี่  2600 MHz งวด2 - 900 MHz งวดสุดท้าย

ทรู มูฟ เอช ชำระคลื่นความถี่ 2600 MHz งวด2 - 900 MHz งวดสุดท้าย

พลังงาน มั่นใจ โครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้า-น้ำมัน ปลอดภัย สั่งคุมเข้มมาตรการป้องกัน

พลังงาน มั่นใจ โครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้า-น้ำมัน ปลอดภัย สั่งคุมเข้มมาตรการป้องกัน

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด