หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.เอเอสแอล ระบุว่า MTC ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโต 10-15% พร้อมคุม NPL ไม่เกิน 2.70% ควบคู่ไปกับการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ NIM อาจชะลอตัวลงเล็กน้อยจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น แต่ได้แรงหนุนจากสินเชื่อที่เติบโตดีและ Credit cost ที่ลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มรถมือสอง แนวโน้มต้นทุนทางการเงินคาดว่าจะผ่อนคลายช่วง 2H25F จากแผน refinance หุ้นกู้ และการได้รับ Credit rating ระดับ A- จาก Fitch
1Q25F คาดว่ากำไรทรงตัว QoQ แต่ดีขึ้น YoY จากแนวโน้มสินเชื่อที่ชะลอตัวลงตามปัจจัยฤดูกาลและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น เราประเมินกำไรสุทธิปี 25-26F ที่ 6.59 พันล้านบาท (+12% YoY) และ 7.76 พันล้านบาท (+18% YoY) ตามลำดับ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50 บาท อิง PBV 2.45 เท่า โดยมองว่าการเติบโตของธุรกิจยังโดดเด่นกว่าตลาด โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์
หุ้นได้รับอันดับ SET ESG rating ระดับ AAA ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อกระแสการลงทุนในกองทุน ThaiESG X นอกจากนี้ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปี เป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกต่อแนวโน้มของบริษัทในระยะต่อไป
Earning Review
MTC รายงานงบ 4Q24 เท่ากับ 1.54 พันล้านบาท +3.5%QoQ, +9.1%YoY เป็นไปตามที่ตลาดคาด ขณะที่งบปี 24 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5.87 พันล้านบาท +19.6%YoY โดยพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 164,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6%YoY ส่วนคุณภาพลูกหนี้ดีขึ้นมี NPLs ratio อยู่ที่ 2.75% ลดลงต่อเนื่องจากปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 3.11% เป็นผลมาจากมาตรการในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง และการติดตามหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับ NIM ชะลอตัวลงเหลือ 13.3% จาก 13.9% ในปีก่อนตาม Loan yield ที่ลดลง และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงต้น 4Q มีการออกหุ้นกู้ราว 4 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.5-4.0% แต่ทั้งนี้ได้แรงหนุนจาก Credit cost ที่ลดลง จากลูกหนี้ใน Stage2 และ3 ที่ลดลง
ประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็น Div. yield ที่ 0.6% ขึ้น XD 28 เม.ย.
Outlook ลดความ aggressive ลง แต่ยังเติบโต
ผู้บริหารตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโตระหว่าง 10-15% พร้อมคุม NPL ให้ไม่เกิน 2.70% ควบคู่การปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม ส่วน NIM มีแนวโน้มชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากรับรู้ต้นทุนทางการเงินของหุ้นกู้ชุดใหม่ในระดับสูงเต็มปี แต่คาดว่าจะได้แรงหนุนจาก 1. การเติบโตของสินเชื่อที่ขยายตัวดี 2. Credit cost ที่ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มรถมือสองที่ปัจจุบันผลขาดทุนเริ่มลดลง ช่วยพยุงผลประกอบการปี 25F ให้เติบโต ส่วนด้านแรงกดดันจากต้นทุนทางการเงินมองว่าจะเริ่มผ่อนยคลายลงช่วง 2H25F หลังจะมีแผน refinance หุ้นกู้ และได้รับ Credit rating ระดับ A- จาก Fitch
แนวโน้ม 1Q25F คาดทรงตัว QoQ แต่ดีขึ้น YoY จากแนวโน้มสินเชื่อชะลอตัวลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงสินเชื่อที่ขยายตัวในปีที่แล้วส่วนหนึ่งเป็น top up loan กับลูกค้าเดิม ส่งผลต่อภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และส่งผลต่อการควบคุมคุณภาพหนี้ เป็นความเสี่ยงต่อการตั้งสำรองที่สูงขึ้นและอาจสูงกว่าเป้าที่ไม่เกิน 3% ส่วน YoY ดีขึ้นตามฐานสินเชื่อ และแนวโน้ม CoF ลดลงหลังมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
ประเมินกำไรสุทธิปีนี้ขยายตัวเด่น +20% YoY แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 55 บาท
ประเมินกำไรสุทธิปี 25-26F เท่ากับ 6.59 พันล้านบาท +12%YoY และ 7.76 พันล้านบาท +18%YoY ตามลำดับ แนะนำ “ซื้อ” มีราคาเป้าหมายที่ 50 บาท อิง PBV 2.45 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลังระยะยาว (6.33 เท่า) – 1.5 SD สูงกว่า SET FIN ที่ 1.20 เท่า แต่เรามองว่าเหมาะสมเนื่องจากการเติบโตของธุรกิจโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสินเชื่อจำนำจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ ทั้งการขยายสาขา (เราคาด +185 สาขา) สินเชื่อ (เราคาด +12%) และฐานลูกค้า รวมถึงสามารถควบคุมคุณภาพลูกหนี้ได้ดี (NPLs ratio > 2.7%) และ Credit cost ที่คาดว่ากำลังผ่านจุดพีคไปแล้ว ขณะที่แนวโน้ม CoF คาดว่าจะผ่อนคลายลงในช่วง 2H25F
สำหรับในเชิง sentiment ปัจจุบันมีอันดับ SET ESG rating ที่ AA จึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจจากประเด็นการปรับเงื่อนไขของกองทุน LTF เป็น ThaiESG X รวมถึงผลของนโยบายเศรษฐกิจที่กระตุ้นกำลังซื้อฐานราก และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ เป็น sentiment เชิงบวก
ปัจจัยเสี่ยง : ภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง กระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าฐานราก และคุณภาพลูกหนี้, แรงกดดันจากการออกหุ้นกู้, แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลง
ประเด็นที่มีนัยยะสำคัญด้านความยั่งยืน: การกำกับดูแลกิจการที่ดี (G), การบริหารจัดการความเสี่ยง (G), การต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น (G), มลพิษอากาศ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (E) และ ความพึงพอใจของลูกค้า (S)