หุ้นวิชั่น – CHOW ตั้งเป้า OEM เหล็กชน 4 แสนตัน สินค้าคาร์บอนต่ำหนุนยอดโต เชื่อหลังปรับปรุงโรงงาน กระบวนการผลิตกดต้นทุนลดฮวบ พร้อมสู้คู่แข่ง ยันไม่ทิ้งธุรกิจเหล็ก! ชี้พอร์ตรายได้ มาร์จิ้นยังทำเงินสูง ใส่เกียร์ปั๊มกำลังผลิตแตะ 300 เมกะวัตต์ ย่องเจรจาลูกค้าต่อเนื่อง ส่งซิกผลงานโค้งแรกสดใสบุ๊กรายได้พลังงานเต็มพิกัด
นายกันตเมศฐ์ โชติจิราภิรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชี บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยว่า บริษัทมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจปี 2568 โดยตั้งเป้ายอดขายธุรกิจเหล็กในปี 2568 ให้แตะระดับ 85,000 ตัน โดยยังไม่สามารถระบุเป็นมูลค่าเงินได้ เนื่องจากต้องพิจารณาตามราคาเหล็ก ณ ขณะนั้น ขณะที่การรับจ้างผลิต (OEM) ตั้งเป้าไว้ที่ 400,000 ตัน ซึ่งยังไม่ถึงขีดความสามารถตามใบอนุญาตการผลิตที่บริษัทมีอยู่
สำหรับปัจจัยสนับสนุนหลักที่จะส่งผลให้บริษัทบรรลุเป้าหมายได้ มาจากการที่บริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตในปีที่ผ่านมา ทำให้การผลิต ณ ปัจจุบันมีประสิทธิภาพและสามารถผลิตเหล็กได้เร็วขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง และสามารถแข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น คาดว่าจะช่วยขยายการผลิตและการขายได้ตามเป้า
ทั้งนี้ บริษัทมีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นต์น้อยที่สุดในตลาดหรืออุตสาหกรรม ทำให้ลูกค้าสามารถนำตัวเลขดังกล่าวไปใช้ในรายงานการลดการปล่อยคาร์บอนของบริษัทนั้นๆ ได้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมยอดขายทั้งทางตรงและทางอ้อม
และบริษัทไม่มีแผนขยายธุรกิจเหล็ก เนื่องจากได้มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มกำลังการผลิตในกระบวนการรีดเหล็กอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการเพิ่มรายได้ของบริษัท ทั้งนี้ หากย้อนดูผลประกอบการของบริษัท พบว่า รายได้จากธุรกิจเหล็กยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก และสร้างอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) ของบริษัท โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างความเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ธุรกิจพลังงาน บริษัทจะเดินหน้าขยายกำลังการผลิต โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตแตะ 300 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ 150 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็นโครงการในประเทศ 117 เมกะวัตต์ และโครงการต่างประเทศ 32 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการมองหาโครงการลงทุนเพิ่มเติมอีก 150 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตและส่งเสริมศักยภาพของกลุ่มบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มหาลูกค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 อย่างไรก็ตาม การปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) โดยภาครัฐ ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าปรับลดลง ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจลงทุนในพลังงานทดแทน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเริ่มมีลูกค้ากลับมาเจรจากับบริษัทอีกครั้ง โดยบริษัทมีทีมงานเข้าพบลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ากลุ่มลูกค้าที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาจะช่วยสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนในโครงการพลังงานภายในประเทศ ตามนโยบายภาครัฐที่มีการประกาศโครงการเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจพลังงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินในไตรมาส 1/2568 ณ ปัจจุบัน ธุรกิจเหล็ก บริษัทได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) อย่างต่อเนื่อง และการผลิตสินค้าอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ธุรกิจพลังงาน บริษัทเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ หรือ COD โครงการในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนในไตรมาส 1/2568 จะรับรู้รายได้เต็ม ดังนั้นบริษัทจึงมองภาพธุรกิจพลังงานยังอยู่ในเชิงบวก