หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่น รายงาน บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดแนวโน้มตลาดวันนี้ SET Index จะแกว่งตัวในลักษณะ Sideways to Sideways Down ผันผวนในกรอบ 1,150-1,170 จุด โดยบรรยากาศการลงทุนยังไม่สดใสนัก แม้ตัวเลขเงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯ เดือนกุมภาพันธ์จะออกมาต่ำกว่าคาด (Flat m-m) แต่ยังคงถูกกดดันจากประเด็นการค้าระหว่างประเทศ โดยทรัมป์ขู่เก็บภาษีแอลกอฮอล์จากยุโรป 200% หากอียูไม่ยกเลิกการเก็บภาษีวิสกี้ของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดตอบรับเชิงลบต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่อาจเพิ่มขึ้นจากการตอบโต้ดังกล่าว
รวมถึงในอนาคตหากสหรัฐฯ เริ่มเก็บ Reciprocal Tariff กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ส่งผลให้ยังมีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงสูง และไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่ำและปลอดภัย เช่น พันธบัตร และโดยเฉพาะทองคำที่พุ่งขึ้นเฉียด US$3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านสงครามรัสเซีย-ยูเครน แม้จะยังไม่บรรลุข้อตกลงหยุดยิง แต่คาดว่ายังมีโอกาสเห็นพัฒนาการจากการพูดคุยกันในอนาคต
โดยรวม ดัชนียังฟื้นตัวได้จำกัด แม้จะปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าการฟื้นตัวอาจยังไม่กว้างนัก แม้จะปรับตัวลงถึง 17% YTD แต่คาดว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Defensive และ Tourism-Related Play น่าจะยังมีแนวโน้มปรับตัวดีกว่า Global-Related Play ที่ถูกกระทบจากความเสี่ยงของต่างประเทศ ส่วนการมาของกองทุน Thai ESG Extra คาดว่าจะช่วยลดแรงขาย LTF ที่ค้างอยู่ได้บางส่วน
กลยุทธ์การลงทุน
ยังเน้น Selective Buy ในหุ้นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งในปี 2025 และมี Valuation ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยสำคัญ
หุ้นเด่นเดือนมีนาคม BA, BTG, CPALL, MTC, PR9
FSSIA Portfolio BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR
หุ้นเด่นวันนี้: ERW
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% ในปี 2025 โดยการดำเนินงานล่าสุด 1Q25TD ยังแข็งแกร่งจากทั้ง Occupancy Rate และ ADR โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 10% y-y สอดคล้องกับเป้าหมายทั้งปี เราคาดการณ์ว่ากำไรปี 2025 จะเติบโตต่อเนื่องเป็น 940 ล้านบาท โดยปัจจุบันมี Upside ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้าน Valuation ยังคงน่าสนใจมาก โดย Market Cap ปัจจุบันต่ำกว่าช่วงปี 2019 ขณะที่กำไรสูงกว่าปี 2019 ถึง 80-90% แนวรับ 3.10//3.00 บาท แนวต้าน 3.30//3.38 บาท
Fund Flow
วานนี้กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลออกจากภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$1,208 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$751 ล้าน ตามด้วยเกาหลีใต้ US$389 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนมีเม็ดเงินไหลออกสูงสุดที่อินโดนีเซียและไทย US$55 ล้าน และ US$28 ล้าน ตามลำดับ แต่ไหลเข้า ฟิลิปปินส์และเวียดนามเล็กน้อย แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะมีโอกาสไหลออกต่อเนื่อง โดยยังคงถูกกดดันจากการตอบโต้ทางภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ กดดันให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
ประเด็นสำคัญวันนี้
กลุ่ม Contractor ราคาหุ้น CK, STEC ที่ปรับลงวันนี้คาดว่ามาจากข่าวร้านค้าวัสดุก่อสร้างประกาศปรับเพิ่มราคาปูนซีเมนต์ 20% จากการสอบถามทางบริษัทพบว่าสัดส่วนของการใช้คอนกรีตของ CK คิดเป็น 3-4% และ STEC คิดเป็น 2% ของต้นทุนรวม ขณะที่งานในมือส่วนใหญ่สามารถล็อกราคาได้ล่วงหน้าถึง 2-3 ปี จึงมองว่าไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนผู้รับเหมาฐานราก เช่น SEAFCO, PYLON ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากเป็นงานระยะสั้น และมีการล็อกราคาทั้งโครงการตั้งแต่วันทำสัญญา
SEAFCO มี Backlog ปัจจุบันที่แข็งแกร่งแตะ 2.6 พันล้านบาท และหากรวมอีก 1 โครงการที่ได้รับและอยู่ระหว่างรอ EIA ราว 300 ล้านบาท จะช่วยหนุนให้ Backlog อยู่ที่ระดับ 2.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ในรอบ 6 ปี นอกจากนี้ ผู้บริหารตั้งเป้ารับงานใหม่ในระหว่างปีอีกราว 500-600 ล้านบาท สำหรับประเด็นราคาปูนซีเมนต์ที่ปรับสูงขึ้น มองว่าไม่กระทบ คงคาดการณ์กำไรปี 2025 ที่ 148 ล้านบาท ฟื้นตัวเด่นจาก 1 ล้านบาทในปี 2024 คงราคาเป้าหมาย 2.80 บาท แนะนำ “ซื้อ”
TTB คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2025-26 ทรงตัว y-y แม้บริษัทจะใช้ประโยชน์ทางภาษี แต่สินเชื่อที่หดตัวกว่า 10-16% ในช่วงปี 2024-25 จะทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2025-26 ลง 6-15% จากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลงตามสินเชื่อที่หดตัว และค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่สูงขึ้น หลังการปรับประมาณการ ทำให้ ROE ลดลง เราจึงลดราคาเป้าหมายเป็น 2.05 บาท และปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”
CBG ส่วนแบ่งตลาดเดือนมกราคมลดลง เนื่องจากไม่ได้ทำโปรโมชั่น แต่จะกลับมาขึ้นอีกครั้งในเดือนมีนาคมหลังจากเริ่มทำโปรโมชั่นใหม่ ส่วนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับสุราขาวหอมยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่รายได้ส่งออกอาจอ่อนตัวลง 5% q-q จากกัมพูชาเป็นหลัก ส่งผลให้รายได้รวม 1Q25 อาจอ่อนตัว q-q แต่ยังเติบโต y-y อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q25 จะเติบโตทั้ง q-q และ y-y เบื้องต้นเราคาดการณ์ไว้ที่ราว 900 ล้านบาท โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นจากต้นทุนน้ำตาลและต้นทุนเศษแก้วที่ลดลง แนวโน้มกำไร 1Q25 ยังคงดี และต้องติดตามการแข่งขันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดต่อไป รวมถึงการฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศที่คาดหวังจะกลับมาเติบโตใน 2Q25 คงประมาณการกำไรปี 2025 +12.5% y-y ราคาเป้าหมาย 88 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”
RBF ตั้งเป้ารายได้ปี 2025 เติบโต 10-15% y-y มาจากตลาดในประเทศ 8-10% y-y และต่างประเทศเติบโตมากกว่า 20% โดยรายได้ที่เติบโตจะมาจากกลุ่ม Food Coating เป็นหลัก สมมติฐานรายได้ปี 2025 ของเราคาดว่า +8.9% y-y ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท โดยคาดว่ากำไร 1Q25 จะโตต่อเนื่อง q-q และเริ่มกลับมาเติบโต y-y ได้ใน 2Q25 เป็นต้นไป คงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2025 เติบโต 16% y-y ราคาเป้าหมาย 6.70 บาท แนะนำ “ซื้อ”