หุ้นวิชั่น – ทีมข่าวหุ้นวิชั่นรายงาน บล.เอแอสแอล ระบุ CREDIT Outlook น่าสนใจ โดยเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อสูงสุดในกลุ่มธนาคาร (>10%) ภายใต้การควบคุมคุณภาพลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพ (NPLs ratio < 4.5%)
► ประเมินกำไรสุทธิปี 25-26F เท่ากับ 3.86 พันล้านบาท +6% YoY และ 4.14 พันล้านบาท +7% YoY โดย ROE ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารที่มากกว่า 17%
► คำแนะนำ “ซื้อ” มีราคาเป้าหมายสิ้นปี 25F ที่ 23.40 บาท Upside ค่อนข้างสูง พร้อมโอกาสในการเพิ่ม payout ratio มาแตะระดับ 30% เพื่อรักษา ROE > 17% ส่งผลให้ Div. yield สูงกว่า 5%
Earnings Review
4Q24 : กำไรสุทธิที่ 1.19 พันล้านบาท (+2.6% QoQ, +61.1% YoY) ทำนิวไฮต่อเนื่อง จากการขยายตัวของสินเชื่อที่สูงสุดในกลุ่ม (+3.5% QoQ, +13.2% YoY) โดยเฉพาะในกลุ่ม MSME สินเชื่อบุคคล และสินเชื่อที่อยู่อาศัย ส่วน Credit cost กลับสู่ระดับปกติจากการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีเสถียรภาพ
24FY : กำไรสุทธิเท่ากับ 3.6 พันล้านบาท +1.9% YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยที่ขยายตัว 10.3% โดย NIM ชะลอตัวลงเล็กน้อยมาที่ 8.6% และ Credit cost ที่ลดลงเหลือ 265 bps (-31 bps YoY) ช่วยชดเชยรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่ขาดทุนมากขึ้น ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (C/I = 39.9% +3.2% YoY) ส่วน NPLs Ratio ที่ 4.4% จากปีก่อนที่ 4.2% ตามการขยายตัวของลูกหนี้ S2&3 มากขึ้น ขณะที่การเคลมจาก บสย. (TCG) เพิ่มขึ้น 9.1% YoY สอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อ โดยการเคลมจาก บสย. เพิ่มขึ้นเป็น 2,721 ล้านบาทในปี 2024 จาก 2,494 ล้านบาทในปี 2023 และ 1,853 ล้านบาทในปี 2022 ทั้งนี้ ROE อยู่ที่ 17.88%
ได้ประกาศจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.60 บาท (payout ratio = 20.3%) ขึ้น XD 14 พ.ค. คิดเป็น Div. yield ปัจจุบันที่ 3.2%
Outlook
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายภาครัฐ การฟื้นตัวของการลงทุนภาครัฐและเอกชน การท่องเที่ยวที่ลุ้นใกล้เคียงกับช่วง Pre-COVID ส่วนปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้า ทั้งนี้คาดว่า GDP จะขยายตัว 2.3-3.3%
ธุรกิจกลุ่มธนาคาร คาดว่าจะรักษาการเติบโตในเชิงบวกได้อย่างต่อเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แรงขับเคลื่อนจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ดีขึ้น แต่การเติบโตของสินเชื่อยังจำกัด จากภาคครัวเรือนที่เปราะบาง มีภาระหนี้สูง ทำให้มีมาตรการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งชดเชยด้วยการตั้งสำรองที่แข็งแกร่งที่รองรับความเสี่ยงไปก่อนหน้านี้มาพอสมควรแล้ว รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการค่าใช้จ่าย การเพิ่มการลงทุนด้านดิจิทัล ทำให้กลุ่มธนาคารยังสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้
ธนาคารตั้งเป้าการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้เป็นตัวเลขสองหลัก (สูงที่สุดของกลุ่ม) จากการโฟกัสในกลุ่มสินเชื่อ MSME ที่มีโมเมนตัมเติบโตต่อเนื่อง (คิดเป็น 67% ของพอร์ตสินเชื่อ) และ Personal loan จากฐานต่ำ (คิดเป็น 2% ของพอร์ตสินเชื่อ) ซึ่งได้เป็นพันธมิตรกับ ASCEND ที่เป็นบริษัทแม่ผู้ให้บริการทรูมันนี่ และคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 8.5 – 9.0% ภายใต้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 ครั้ง
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) คงที่จากการเพิ่มการลงทุนในดิจิทัลแบงก์กิ้ง แต่จะมีการควบคุมต้นทุนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
ด้าน NPL Ratio ตั้งเป้าไม่เกิน 4.5% ตามการขยายตัวของสินเชื่อ ส่วน Credit cost คาดอยู่ในกรอบ 2.5-3.0%
ROE อยู่ที่ 17.0 – 22.0% ซึ่งสะท้อนถึงแนวทางการเติบโตที่สมดุลและการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
Rough Projection แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 23.40 บาท
เบื้องต้นเราอิงสมมติฐานตามขอบล่างของเป้าหมายที่ธนาคาร Guidance ดังนี้ Loan growth +10% YoY (เติบโตโดดเด่นในสินเชื่อ micro SME, สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อส่วนบุคคล), NIM 8.5%, C/I 40%, Credit cost 280 bps
ประเมินกำไรสุทธิปี 25-26F เท่ากับ 3.86 พันล้านบาท +6% YoY และ 4.14 พันล้านบาท +7% YoY โดย ROE ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายของธนาคารที่มากกว่า 17% ทั้งนี้ คาดหวังการจ่ายปันผลในระดับที่สูงขึ้นแตะระดับ 30% คิดเป็น Div. yield ไม่ต่ำกว่า 5%
ในเชิงกลยุทธ์แนะนำ “ซื้อ” มีราคาเป้าหมายที่ 23.40 บาท อิง PBV ที่ 1.13 เท่า (GGM LT-ROE 16%, TG 2.5%) โดยราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 1.0 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง (1.28 เท่า) – 1.0 SD โดยผลประกอบการยังมี upside จากการเคลมจาก บสย. เพิ่มขึ้น แนวโน้ม Loan yield ที่สูงขึ้น และแนวโน้ม Credit cost ที่ต่ำกว่าคาด ตามการควบคุมคุณภาพลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจัยเสี่ยง
ภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง, คุณภาพลูกหนี้ที่อาจอ่อนแอลง, แนวโน้ม NIM ที่ปรับลดลง หาก กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ธนาคารคาด, การขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อเพิ่ม Free float
ประเด็นที่มีนัยยะสำคัญด้านความยั่งยืน
การให้ความรู้ทางการเงินเพื่อสร้างความเข้าใจและวินัยทางการเงิน (S)
ระบบ ESMS (E)
การเติบโตอย่างยั่งยืน ($)
เทคโนโลยีดิจิทัล ($)
การกำกับดูแลกิจการและจริยธรรมองค์กร (G)