ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

BEM โบรกมองกำไร Q4/67 โต YoY เคาะเป้าสูงสุด 11.40 บาท/หุ้น

 

          หุ้นวิชั่น – BEM โบรกมองกำไร Q4/67 โต YoY เคาะเป้าสูงสุด 11.40 บาท/หุ้น

บล.กรุงศรี คาดกำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY ใน Q4/2567 นำโดยธุรกิจรถไฟฟ้า

          คาดกำไร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ในไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY แต่ลดลง 15% QoQ การลดลง QoQ จะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะไม่มีรายได้เงินปันผลจากบริษัทร่วม TTW ในไตรมาส 4/2567 การเติบโต YoY จะขับเคลื่อนโดยรายได้ที่แข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ธุรกิจรถไฟฟ้า  สมมติฐานหลักสำหรับไตรมาส 4/2567 ได้แก่ 1.รายได้จะเติบโต 6% YoY และ 2% QoQ เป็น 4.4 พันล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจรถไฟฟ้า ซึ่งจะคิดเป็น 42% ของรายได้กลุ่ม (+14% YoY, +4% QoQ) ขับเคลื่อนโดยจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นค่า โดยสาร อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 45% จาก 44% ในไตรมาส 3 ปี 2567 เนื่องจาก leverage ในการดำเนินงาน การควบคุมต้นทุนบ่งชี้ว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/รายได้จะอยู่ที่ ระดับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 7.3% และปรับตัวดีขึ้นจาก 7.7%  ในไตรมาส 4/2566 ซึ่งหมายความว่าค่าใช้จ่าย SG&A ควรเพิ่มขึ้น 1% YoY และ 5% QoQ

          *คงการเติบโตของกำไรปี 2567 ไว้ที่ 11% กำไรจะอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท

          กำไรไตรมาส 4/2567 จะทำให้กำไรทั้งปีอยู่ที่ 99% ของประมาณการทั้งปีของเรา ดังนั้นเราจึงยังคงการเติบโตของกำไรไว้ที่ 11% สำหรับปี 2567 และ 7.7% หรือ 4,149 ล้านบาท YoY สำหรับปี 2568 โดยปัจจัยหนุนจากธุรกิจรถไฟฟ้า

          ยังคงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมาย 10.4 บาท สำหรับ BEM การปรับตัวลงอย่างรวดเร็วของราคาหุ้นในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับการซื้อคืนสัมปทานโดยรัฐบาล ความล่าช้าในการลงนามโครงการทางด่วน 2 ชั้น และการชะลอตัวของกำไรในปีนี้ แรงกดดันเหล่านี้จะยังคงจำกัดราคาหุ้นในระยะสั้น

บล.ดาโอ คาดไตรมาส 4/2567 ชะลอ QoQ เนื่องจากไม่มีเงินปันผล แต่โดยรวมใกล้เคียงคาด

          ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ที่ 864 ล้านบาท (+1% YoY, -19% QoQ) ซึ่งใกล้เคียงกับกรอบที่ได้ประเมินเบื้องต้น โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้:

  1. รายได้เติบโต +4% YoY และทรงตัว +0.1% QoQ โดยผู้โดยสารรถไฟฟ้าทำสถิติสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ 4.5 แสนเที่ยว/วัน (+7% YoY, +2% QoQ) และผู้ใช้ทางด่วนทรงตัวที่ 1.1 ล้านเที่ยว/วัน (-0.5% YoY, +0.3% QoQ) ขณะที่รายได้ธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ (7% ของรายได้รวม) เพิ่มขึ้น +13% YoY, +12% QoQ จากความต้องการใช้สื่อโฆษณาปรับตัวดีขึ้นและอานิสงส์จาก high season
  2. GPM อยู่ที่ 45.2% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2566 ที่ 46.3% แต่ดีขึ้นจากไตรมาส 3/2567 ที่ 44.4% ปรับตัวลง YoY เนื่องจากในไตรมาส 4/2566 มีการเลื่อนค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงทางด่วนบางส่วน ขณะที่ปรับตัวขึ้น QoQ เป็นไปตามการขยายตัวของผู้ใช้บริการ
  3. SG&A/Sale อยู่ที่ 7.8% ปรับขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2566 ที่ 7.7% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2567 ที่ 7.1% จากค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานและ PR
  4. รายได้อื่นลดลง -82% QoQ เนื่องจากไม่มีเงินปันผลจาก TTW ซึ่งบันทึกในไตรมาส 2 และ 3 ของปี

          คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567-2568 ที่ 3.7 พันล้านบาท และ 4 พันล้านบาท (+8% YoY, +6% YoY) หากกำไรไตรมาส 4/2567 เป็นไปตามที่ได้ประเมิน จะส่งผลให้กำไรปี 2567 อยู่ที่ 3.8 ล้านบาท (+9% YoY) ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อย +1%

          สำหรับไตรมาส 1/2568 เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง YoY จากปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าสูงขึ้น อานิสงส์จากการเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า เช่น One Bangkok ภาคท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น และรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ทยอย ramp up ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิจะทรงตัว QoQ จากการเริ่มเข้าสู่ช่วงปิดเทอม ส่วนมาตรการรถไฟฟ้าฟรี 7 วัน มองกระทบจำกัดเนื่องจากเป็นมาตรการระยะสั้นและมีโอกาสที่รัฐจะไม่ชดเชยปริมาณผู้โดยสารส่วนที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการ

          คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 11.40 บาท อิง SOTP โดยมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังไม่สะท้อนทิศทางกำไรปี 2567-2568 ที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ อีกทั้งมี catalyst จากความคืบหน้าโครงการ Double Deck ในครึ่งปีแรกของปี 2568 และการเริ่มเจรจาสัญญาเดินรถสายสีม่วงใต้ในปี 2568

บล.เคจีไอ คาด BEM พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง

          ฝ่ายวิจัย ระบุ ประมาณการไตรมาส 4/2567 และปี 2567 ผู้โดยสารเฉลี่ยรายวันและรายได้จากการจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟฟ้าในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 2% QoQ และ 4% QoQ ตามลำดับ ส่งผลให้ตัวเลขปี 2567 อยู่ที่ 4.27 แสนคน (+9.4% YoY) และ 12 ล้านบาท (+13.7%) ตามลำดับ ส่วนปริมาณรถเฉลี่ยต่อวันและรายได้ในไตรมาส 4/2567 และปี 2567 ยังคงทรงตัว YoY ที่ 1.12 ล้านคน และ 25.5 ล้านบาท โดยปกติแล้วไตรมาส 4 และ 1 ของปีจะเป็นช่วง low season ของธุรกิจ เนื่องจากไม่มีเงินปันผลรับ

          สรุป ประมาณการกำไรไตรมาส 4/2567 จะลดลง 18% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 2% YoY อยู่ที่ 875 ล้านบาท ดังนั้นกำไรปี 2567 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.8 พันล้านบาท (+9%YoY)

          *คาดว่าโครงการทางด่วนยกระดับจะมีการลงนามในปีนี้

          BEM คาดว่าโครงการทางด่วนยกระดับที่รอคอยมานานมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท จะมีการลงนามพร้อมกับการแก้ไขระยะเวลาสัมปทานและรูปแบบการแบ่งรายได้เพื่อรองรับแนวคิดของรัฐบาลในการลดค่าผ่านทางเฉลี่ยลงอยู่ที่ 50 บาทต่อเที่ยวสำหรับโครงข่ายวงในโดยรอบ (FES, SES: ส่วน A และ B) แต่อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวอาจล่าช้ากว่าที่คาดไว้เดิมในไตรมาส 1/2568 หากสมมติว่าปริมาณรถเฉลี่ยต่อวันยังคงอยู่ที่ 1.12 ล้านคันรายได้รวมอาจลดลง 7% เมื่อการแบ่งรายได้กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปลี่ยนจาก 40:60 เป็น 50:50 แต่อย่างไรก็ดีมีความเป็นไปได้ที่ปริมาณรถเฉลี่ยต่อวันอาจเพิ่มขึ้น ผลจากค่าผ่านทางลดลงน่าจะช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้บ้าง

          *ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายอยู่ระหว่างการจัดทำนโยบาย

          รัฐบาลจะใช้กองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม (Joint Ticket System Promotion Fund) ภายใต้พ.ร.บการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมฉบับใหม่ เพื่อชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปให้กับผู้ประกอบการเอกชนหลายราย โดยที่ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมประเมินการใช้งบประมาณราว 1.6 หมื่นล้านบาทเพื่ออุดหนุนเส้นทางรถไฟทั้งหมดตั้งแต่เดือนกันยายน 2568 จนถึงสิ้นสุดวาระของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณสองปีจากนี้ ส่วนในระยะยาวกระทรวงฯ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อซื้อคืนสิทธิในการเดินรถจากผู้รับสัมปทานเอกชน ทั้งนี้ ต้นทุนของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท คิดเป็น 2 เท่าของสินทรัพย์รวมของ BEM และ 3 เท่าของหนี้สินสุทธิหากรัฐบาลซื้อคืนสายสีน้ำเงินและเปลี่ยนสัมปทานจาก net cost เป็น gross cost แล้ว BEM จะมีเงินสดส่วนเกินก้อนใหญ่เข้ามา อย่างไรก็ตาม เรายังไม่เห็นความคืบหน้าในประเด็นนี้

          ยังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 11.20 บาท (ใช้ WACC ที่ 6% และ terminal growth ที่ 1%) จากธุรกิจหลัก 9.00 บาท อีก 0.80 บาทจากการลงทุนใน Thai TTW (TTW.BK/TTW TB) และ CK Power (CKP.BK/CKP TB) บวกกับ 1.40 บาท จากรถไฟฟ้าสายสีส้ม ปัจจุบัน BEM เทรดที่ระดับ -1.5SD ของค่าเฉลี่ย PE (ก่อน COVID) ทั้งนี้ประมาณการของเราอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามการแก้ไขสัมปทานของ BEM ที่กำลังจะเกิดขึ้น

          *Risk

          ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP, ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ๆ การแก้ไขสัญญาต่างๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่างๆ ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทย

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดกำไรไตรมาส 4/2567 เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ

          ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 ของ BEM ที่ 899 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% YoY โดยได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT (สายสีน้ำเงิน) ที่เพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นค่าโดยสาร แต่ลดลง 15.7% QoQ เนื่องจากไม่มีการบันทึกรายได้เงินปันผลใน ไตรมาส 4/2567 รายได้จากธุรกิจทางด่วน (51% ของรายได้รวม) น่าจะอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท ลดลง 0.4% YoY ซึ่งเป็นผลมาจากการปิดทางด่วนบางส่วน และลดลง 1.1% QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากในไตรมาส 4/2567 มีวันหยุดมากกว่าไตรมาสก่อนหน้า

          รายได้จากธุรกิจรถไฟฟ้า MRT (42% ของรายได้รวม) น่าจะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7% YoY และ 3.4% QoQ โดยได้แรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น และการปรับขึ้นค่าโดยสารตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 รายได้จากธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ (7% ของรายได้รวม) น่าจะอยู่ที่ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% YoY และ 9.4% QoQ โดยเติบโตตามจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น เมื่ออิงกับตัวเลขกำไรไตรมาส 4/2567 ที่ประเมินได้ กำไรสุทธิปี 2568 จะอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการกำไรเต็มปีของเรา BEM จะประกาศผลประกอบการวันที่ 26 กุมภาพันธ์

          อัพเดทปริมาณจราจรในปี 2567 ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.1 ล้านเที่ยว/วัน ทรงตัว YoY ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนได้รับผลกระทบจากการปิดทางด่วนบางส่วนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ถึงเดือนพฤษภาคม 2568 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับประมาณการของเราที่คาดว่าปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนจะอยู่ในระดับทรงตัวในปี 2567 จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT (สายสีน้ำเงิน) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 426,900 เที่ยว/วัน เพิ่มขึ้น 9.4% YoY ใกล้เคียงกับสมมติฐานของเราที่คาดว่าจะเติบโต 10%

          คงประมาณการกำไรปี 2568 ไว้ที่ 4.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% YoY ประมาณการอิงกับการคาดการณ์ว่าปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนเฉลี่ยต่อวันจะเพิ่มขึ้น 1.1% ดีขึ้นจากที่อยู่ในระดับทรงตัวในปี 2567 โดยอิงกับการคาดการณ์ว่าจะมีการกลับมาเปิดใช้งานทางด่วนครบทั้งหมดในเดือนพฤษภาคม 2568 นอกจากนี้คาดว่าจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT เฉลี่ยต่อวัน (สายสีน้ำเงิน) จะเพิ่มขึ้น 7.5% YoY และจะได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับขึ้นค่าโดยสารเต็มปี (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567)

          ยังคงคําแนะนํา OUTPERFORM สําหรับ BEM โดยให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี SOTP ที่ 10.5 บาท/หุ้น (8.2 บาท/หุ้น สําหรับธุรกิจหลัก, 1.5 บาท/หุ้น สําหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และ 0.8 บาท/หุ้น สําหรับเงินลงทุนใน TTW และ CKP) โดยชอบ BEM เนื่องจากกําไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีแนวโน้ม upside จากโครงการ double deck ซึ่งยังไม่ได้นํามารวมไว้ในประมาณการ

บล.เอเซีย พลัส คาด กำไร Q4/2567 นิ่ง แม้รายได้เพิ่ม

          ฝ่ายวิจัยคาดว่า BEM จะมีกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 4/2567 ที่ 859 ล้านบาท ลดลง 20% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่ไตรมาส 4 มีวันหยุดมากกว่าไตรมาส 3 อีกทั้งในไตรมาสนี้ไม่มีรายได้เงินปันผลจาก TTW เหมือนในไตรมาส 3 ขณะที่กำไรทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4/2566 แม้ภาพรวมรายได้จากธุรกิจหลักยังเติบโตได้ดี แต่ก็มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานที่มากกว่าปีก่อนมาหักล้าง

          สำหรับงวดไตรมาส 4/2567 ประเมินรายได้รวมที่ 4,383 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY โดยธุรกิจที่เติบโตสูงสุดคือธุรกิจระบบราง คาดรายได้ 1,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% YoY โดยมีจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น 6.8% YoY เฉลี่ยอยู่ที่ 445,000 เที่ยว/วัน และมีค่าโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8.7% YoY อยู่ที่ 29.8 บาท/เที่ยว หลังจาก BEM ได้รับอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่วนค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนเป็นไปตามสัญญาจ้างที่แต่ละปีจะมีงานซ่อมบำรุงไม่เท่ากัน

          ธุรกิจที่มีรายได้เติบโตรองลงมาคือธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ คาดรายได้ 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% YoY เติบโตตามจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่วนธุรกิจทางพิเศษมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 2,273 ล้านบาท เนื่องจากผู้ใช้ทางด่วนบางส่วนยังคงได้รับผลกระทบจากงานก่อสร้างถนนหลายเส้นทางที่เชื่อมต่อกับด่านทางด่วนของ BEM

          ด้านต้นทุนทางด่วนและรถไฟฟ้า ฝ่ายวิจัยตั้งสมมุติฐานว่าค่าตัดจ่ายต่อหัวและต่อคันในธุรกิจระบบรางและทางพิเศษจะอยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม แต่ไตรมาสนี้จะมีค่าซ่อมบำรุงทางด่วนและรถไฟฟ้าที่มากกว่าปีก่อน เนื่องจาก BEM ได้เลื่อนงานซ่อมบำรุงบางรายการจากงวดไตรมาส 4/2566 มาทำในปี 2567 แทน จึงคาดว่า Gross margin เฉลี่ยทุกธุรกิจในไตรมาสนี้จะอยู่ที่ 45.0% ลดลงจากงวดไตรมาส 4/2566 ที่ทำได้ 46.3%

          ส่วน SG&A ก็มีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนจากค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานที่เพิ่มขึ้นตามผลประกอบการปี 2567 ที่ดีขึ้น

          *ปี 2568 การเติบโตมาจาก Organic Growth เป็นหลัก

          ทุกธุรกิจหลักของ BEM ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในปี 2568 ในลักษณะการเติบโตแบบ Organic Growth ตามการขยายตัวของเมือง ธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์น่าจะเป็นธุรกิจที่เห็นการเติบโตมากที่สุด เนื่องจากมีฐานรายได้ต่ำกว่าธุรกิจทางด่วนและธุรกิจระบบรางมาก โดย BEM จะมีการลงทุนเปิด Metro Mall เพิ่มที่สถานีลาดพร้าว และมีการอัพเกรด Metro Mall สถานีพระราม 9 ให้ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้จะมีการติดป้ายโฆษณาเพิ่มที่สถานีพระราม 9 และสถานีเพชรบุรี รวมถึงการติดตั้งป้ายโฆษณาเพิ่มบริเวณทางแยกขนาดใหญ่บนทางด่วน ขณะที่ธุรกิจระบบรางประเมินว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเติบโตระดับ 5-7% ต่อปี หลังการเปิดดำเนินงานของโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่อย่าง “One Bangkok” และ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค”ที่จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีลุมพินีและสถานีสีลมได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนธุรกิจทางพิเศษคาดจะเห็นจำนวนผู้ใช้ทางด่วนปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หากงานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 เสร็จสิ้นภายในเดือน มิ.ย.2568 ได้ตามแผนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและกรมทางหลวง ก็จะส่งผลบวกต่อจำนวนผู้ใช้ทางด่วนที่ด่านดาวคะนอง-สุขสวัสดิ์ส่งผลต่อเนื่องไปถึงผู้ใช้ทางด่วนขั้นที่ 1

          *มีลุ้นการเติบโตที่มากขึ้นจากโครงการใหม่

          นอกเหนือจากการเติบโตแบบ Organic Growth แล้ว BEM ยังมีโอกาสเติบโตได้มากขึ้นอีกจากโครงการสัมปทานใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาลงทุนก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 หรือ “Double Deck” เงินลงทุน 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อแลกกับการต่ออายุสัมปทานทางด่วนขั้นที่1,2 และ C+ ออกไปอีก 22 ปี 5 เดือน ที่ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/68 รวมถึงสัญญาการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) น่าจะมีการเจรจาตรงกับ BEM ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงเหนือช่วงเตาปูน-บางใหญ่ ภายในปีนี้ เพื่อให้รฟม. สามารถเปิดให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ทันทีเมื่องานก่อสร้างโยธาแล้วเสร็จในปี 2570 ภายใต้แนวคิด “One Line One Operator” ที่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการเดินรถแบบไร้รอยต่อ

          ฝ่ายวิจัยยังคงให้น้ำหนักลงทุน Outperform แต่มีการปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2569 ลงจากเดิมเฉลี่ย 4% สะท้อนสมมุติฐานด้านต้นทุนที่มีความอนุรักษ์นิยมมากขึ้น โดยคาดปี 2568 BEM จะมีกำไรสุทธิ 4,023 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%YoY ส่งผลให้ราคาเหมาะสมที่ประเมินด้วยวิธี DCF ลดลงจาก 11.00 บาท มาอยู่ที่ 10.60 บาท

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

[Vision Exclusive] PLANB จ่อบุ๊กงาน VGI ไร้ปมสมาคมฟุตบอล

[Vision Exclusive] PLANB จ่อบุ๊กงาน VGI ไร้ปมสมาคมฟุตบอล

BA เป้าผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน บินเส้นทางฮอต - มาร์จิ้นสูง

BA เป้าผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน บินเส้นทางฮอต - มาร์จิ้นสูง

ORI จัด 2,965 ลบ. จ่ายหุ้นกู้ครบ  Q1 คอนโดรอโอน 5,600 ลบ.

ORI จัด 2,965 ลบ. จ่ายหุ้นกู้ครบ Q1 คอนโดรอโอน 5,600 ลบ.

ทรีนีตี้ ปี 67 พลิกกำไร เดินหน้าปรับโครงสร้างทุนเสริมแกร่ง

ทรีนีตี้ ปี 67 พลิกกำไร เดินหน้าปรับโครงสร้างทุนเสริมแกร่ง

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด