หุ้นวิชั่น – PACO ลูกค้าย้ายฐานการผลิตสู่เอเชีย เล็งอัพกำลังผลิต 20% รับออเดอร์ใหม่ พร้อมเดินหน้าใช้ระบบออโตเมชั่น บอสใหญ่ “สมชาย เลิศขจรกิตติ” ตั้งเป้ายอดขายปี 68 โต 15% รับดีมานด์ส่งออกเพิ่มขึ้นแตะ 70% ส่งซิกผลงานปี 67 เข้าเป้า ลุ้นคว้า BOI เสริมทัพธุรกิจ
นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีนโยบายเพิ่มการเก็บภาษีสินค้าจากต่างชาติ อาจส่งผลให้ลูกค้าซึ่งมีฐานการผลิตในสหรัฐฯ ย้ายการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียมากขึ้น หากสหรัฐฯ มีการเก็บภาษีสินค้าจากจีนในอัตรา 10% ตามที่คาดการณ์ไว้ และอาจมีการเรียกเก็บภาษีจากประเทศอื่นเพิ่มเติม จะเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้ประกอบการมองหาโอกาสลดต้นทุนด้วยการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่าในเอเชีย
ทั้งนี้ PACO อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมรับโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก โดยบริษัทจะติดตามสถานการณ์และปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มดังกล่าว
ปัจจุบันบริษัทเริ่มมีลูกค้าใหม่เข้ามาเจรจาเพื่อให้ PACO ผลิตสินค้า ซึ่งบริษัทมีความพร้อมรองรับความต้องการดังกล่าว โดย PACO วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20% จากปัจจุบันที่ใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 80-85% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อใหม่ โดยการเพิ่มกำลังการผลิตในครั้งนี้จะมุ่งเน้นการนำระบบออโตเมชั่นมาใช้มากขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตให้รวดเร็วและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ PACO ยังคงเดินหน้าปรับปรุงกระบวนการผลิตและลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด
นายสมชาย กล่าวต่อว่า PACO ตั้งเป้ายอดขายในปี 2568 เติบโต 15% โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายจากการส่งออกจะอยู่ที่ 65% และยอดขายในประเทศที่ 35% พร้อมคาดการณ์ว่าสัดส่วนการส่งออกจะเพิ่มขึ้นแตะ 70% จากการที่ลูกค้าจากสหรัฐฯ ย้ายฐานการผลิตมายังเอเชีย
ปัจจุบัน PACO มียอดคำสั่งซื้อรอส่งมอบ (Backlog) มูลค่า 300 ล้านบาท ซึ่งเตรียมส่งมอบให้ลูกค้าภายในไตรมาส 2/2568 โดยบริษัทมั่นใจว่าการขยายกำลังการผลิตและการปรับตัวสู่ระบบออโตเมชั่นจะช่วยรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในปี 2568 คือ การขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งจะช่วยลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบและยกเว้นภาษีบางส่วนให้กับบริษัท หากได้รับอนุมัติ คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและสนับสนุนให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับแนวโน้มการเติบโตในปี 2567 บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการจะเป็นไปตามแผน โดยอัตรากำไรจะได้รับการสนับสนุนจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ในการผลิต ซึ่งช่วยควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 PACO มีรายได้รวม 818.96 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 108.35 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 1,051.97 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 73.20 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ บริษัทตั้งเป้าผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศ
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision