หุ้นวิชั่น – บอสใหญ่ BBIK “พชร อารยะการกุล” กางแผนธุรกิจปีมะเส็ง เจาะฐานภาครัฐทำเงิน คาดดันสัดส่วนแตะ 10% จากปัจจุบันต่ำกว่า 5% เชื่อหลายองค์กรลุยลงทุนไอทีอื้อ ส่วนเอกชน แบงก์ ประกันคึกคัก คาดรายได้ปี 68 โตดีบเบิ้ลดิจิต
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยกับทีมข่าวหุ้นวิชั่นว่า ทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 2568 จะเน้นการขยายฐานเทคโนโลยีให้ครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนที่มีความต้องการลงทุนในด้านไอทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ เช่น สถาบันการเงิน บริษัทประกันภัย และธุรกิจอื่น ๆ มีดีมานด์ในการพัฒนาและขยายฐานไอทีอย่างชัดเจน นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะรุกเข้าสู่ตลาดภาครัฐมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมามีการดำเนินงานในภาคส่วนนี้น้อย
ในส่วนของการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ BBIK วางแผนที่จะเร่งดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2568 เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้กับบริษัทในระยะยาว
ในปี 2568 มีแนวโน้มที่งานจากภาครัฐจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ตามแผนการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากภาครัฐของบริษัทอยู่ในระดับต่ำกว่า 5% อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ BBIK คาดการณ์ว่าสัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐจะเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าแตะระดับ 7-8% และมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 10% หากบริษัทสามารถรับงานใหม่ในภาคส่วนนี้ได้ตามแผนที่วางไว้
ปัจจุบันบริษัทเริ่มได้รับงานจากลูกค้าภาครัฐแล้วบางส่วน เช่น งานด้านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนดำเนินงานเพื่อส่งมอบบริการให้กับลูกค้าตามแผน ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทมีมูลค่าสัญญาการให้บริการคงเหลือ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 871 ล้านบาท โดยไม่รวม Backlog จากกิจการร่วมค้าและบริษัทร่วมทั้งหมด สำหรับ Backlog ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถส่งมอบและรับรู้รายได้ในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 355 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ระหว่างปี 2568-2572
แผนการลงทุนในปี 2568 โดยมุ่งเน้นด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม AI เพื่อปรับใช้กับลูกค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการและเทรนด์การใช้งานระบบไอทีในปัจจุบัน
บริษัทตั้งเป้าการเติบโตในปี 2568 อยู่ในระดับดับเบิ้ลดิจิต แม้เศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้อาจเติบโตได้ไม่มาก แต่เชื่อมั่นว่า BBIK จะสามารถเติบโตได้สูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม ซึ่งมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 20-30%
การดําเนินธุรกิจของบริษัทนั้น จะดําเนินการผ่านบริษัท บริษัทย่อย บริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า ซึ่งมีขอบเขตการดําเนินงานใน 4 ส่วนหลัก ได้แก่
- ธุรกิจบริการหลักด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation Consulting Services) ที่เป็นส่วนงานหลักที่กลุ่มบริษัท มีการให้บริการอย่างครบวงจร ซึ่งกลุ่มบริษัทจะมุ่งเน้นความสําคัญเรื่องคุณภาพการให้บริการควบคู่กับการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มบริการหรือเทรนด์เทคโนโลยีสําคัญหลังการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัล ทั้งนี้ ธุรกิจการให้บริการหลัก มีดังนี้
- ธุรกิจการให้คําปรึกษาด้านกลยุทธ์และการจัดการ (Management Consulting; MC) เป็นการออกแบบแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจระยะสั้นและยาว (3 ปี – 5 ปี) การออกแบบแผนการตลาดสําหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการของลูกค้า การวิจัยตลาดเพื่อสร้างกลยุทธ์การแข่งขัน การออกแบบกระบวนการทํางานเพื่อลดความซ้ำซ้อน และการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับธุรกิจ
- ธุรกิจการบริหารโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic PMO; PMO) เป็นการให้บริการบริหารโครงการต่างๆ ในรูปแบบการกํากับดูแลโครงการ จัดกลไกการจัดการโครงการ ตลอดจนดําเนินการบริหารโครงการ หรือบริหารผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดําเนินงานได้ทันเวลา และองค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
- ธุรกิจการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คําปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery; DX) เป็นการให้คําปรึกษาเชิงลึกด้านดิจิทัลครบวงจรและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสําหรับองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบสถาปัตยกรรมและโครงสร้างของระบบ การออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้งานและส่วนติดต่อระหว่างผู้ใช้กับระบบ (UX/UI) บนหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น การพัฒนาและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเชื่อมต่อโปรแกรม เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะด้านภายในองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานและความคล่องตัวให้กับธุรกิจ
- ธุรกิจการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่และการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นสูงด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Big data,advanced analytics and artificial intelligence; AI) เป็นการให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เพื่อใช้สนับสนุนการตัดสินใจ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
- ธุรกิจบริการด้านทรัพยากรบุคคลชั่วคราวที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที (IT Staff Augmentation) โดยทําหน้าที่จัดหาพนักงานที่เชี่ยวชาญด้านไอที อาทิ โปรแกรมเมอร์ และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อปฏิบัติงานตามกําหนดระยะเวลาจนจบโครงการ
- ธุรกิจบริการด้านการพัฒนาระบบและให้คําปรึกษาด้านความปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security and Solution Implementation Services) โดยเป็นการให้บริการที่ปรึกษาเพื่อบริหารจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ครบวงจรตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์และกรอบการบริหารจัดการ การประเมินมาตรการควบคุมและป้องกัน การยกระดับมาตรการป้องกัน การวางแผนและรับมือเหตุละเมิดความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงการติดตั้งระบบ Cyber security ให้กับลูกค้า
- ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) โดยกลุ่มบริษัท มีการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นบริษัทชั้นนําด้านไอทีระดับโลกในการนําเสนอดิจิทัลแพลตฟอร์ม หรือไอทีโซลูชันที่สามารถรองรับความต้องการและเทรนด์ธุรกิจใหม่ และขยายฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทําดิจิทัล
ทรานส์ฟอร์เมชันและเทรนด์การทําธุรกิจ เช่น ธุรกิจด้านการพัฒนาระบบงาน Enterprise Resource Planning; ERP และการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้ร ะบบงาน (ERP maximization and advisory) ซึ่งในปัจจุบันมีการให้บริการสําหรับร ะบบงาน Microsoft Dynamic 365 และระบบงาน SAP โดยมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมผ่านการเขียนโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจขั้นสูง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบ ERP ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- ธุรกิจด้านการพัฒนาระบบงาน Customer Relationship Management; CRM (CRM advisory and solution) ซึ่งในปัจจุบันมีการให้บริการสําหรับระบบงาน Salesforce ตั้งแต่การออกแบบ พัฒนาและการดูแลระบบ โดยมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาระบบที่สามารถเชื่อมต่อการทํางานกับระบบเดิมที่ลูกค้ามีอยู่ อย่างไร้รอยต่อ เพื่อทําให้การใช้งานสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังมีการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม หรือไอทีโซลูชันขึ้นมาเอง เช่น นวัตกรรม LISMA หรือ LISMA X ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อระบบ SAP เข้ากับแพลตฟอร์ม Line หรือ Microsoft เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบต่างๆ ได้สะดวก ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- ธุรกิจร่วมค้า โดยการลงทุนร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญที่สามารถต่อยอดด้านบริการและธุรกิจ ได้แก่
- บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ และบริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) (“โออาร์”) เพื่อประกอบธุรกิจบริการด้านการให้คําปรึกษา ออกแบบ พัฒนา ดูแลรักษาระบบและแอพพลิเคชั่นของบริษัทในเครือโออาร์ รวมถึงการหารายได้โดยการใช้ประโยชน์ของข้อมูล (Data Monetization) โดยเป็นการขยายผลเพื่อนําข้อมูลที่เป็นทรัพยากรขององค์กรไปใช้ต่อยอดทางธุรกิจ
- บริษัท ซอส สกิลส์ จํากัด (“Sauce Skills”) ซึ่งเป็นการร่วมมือกับ บริษัท เดอะแสตนดาร์ด จํากัด ในการดําเนินธุรกิจพัฒนาหลักสูตรอบรมแก่องค์กร (Corporate Training) เพื่อมุ่งยกระดับทักษะและความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล ธุรกิจ และการส่งเสริมความเป็นผู้นําในองค์กร (Sauce Skills มีฐานะเป็นบริษัทย่อยภายในงบการเงินรวมของบริษัทฯ) ซึ่งได้เริ่มให้บริการและมีรายได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2566
- บริษัท อีโค เอ็กซ์ จํากัด (“EcoX”) ซึ่งเป็นธุรกิจร่วมค้ากับ บริษัท เบริล 8 พลัส จํากัด (มหาชน) ในการดําเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม (Green Technology)
- ธุรกิจต่างประเทศ โดยกลุ่มบริษัทมีการรุกสู่ตลาดต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีความต้องการในการทําดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มบริษัทมีการให้บริการพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คําปรึกษาด้านเทคโนโลยีให้กับลูกค้าต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร และเวียดนาม ผ่านการชูจุดแข็งด้วยศักยภาพของบุคลากรด้านดิจิทัล และข้อได้เปรียบในต้นทุนบริการที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
รายงานโดย : มินตรา แก้วภูบาล บรรณาธิการข่าว mai สำนักข่าว Hoonvision