ปรับแต่งการตั้งค่าการให้ความยินยอม

เราใช้คุกกี้เพื่อช่วยให้คุณสามารถไปยังส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำหน้าที่บางอย่าง คุณจะพบข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับคุกกี้ทั้งหมดภายใต้หมวดหมู่ความยินยอมแต่ละประเภทด้านล่าง คุกกี้ที่ได้รับการจัดหมวดหมู่ว่า "จำเป็น" จะถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์ของคุณ เนื่องจากมีความจำเป็นต่อการทำงานของฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์... 

ใช้งานอยู่เสมอ

คุกกี้ที่จำเป็นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันพื้นฐานของเว็บไซต์ และเว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้

คุกกี้เหล่านี้ไม่จัดเก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้แบบฟังก์ชันนอลช่วยทำหน้าที่บางอย่าง เช่น แบ่งปันเนื้อหาของเว็บไซต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย รวบรวมความคิดเห็น และฟีเจอร์อื่นๆ ของบุคคลที่สาม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้วิเคราะห์ใช้เพื่อทำความเข้าใจวิธีการที่ผู้เยี่ยมชมโต้ตอบกับเว็บไซต์ คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราตีกลับ แหล่งที่มาของการเข้าชม ฯลฯ

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้ประสิทธิภาพใช้เพื่อทำความเข้าใจและวิเคราะห์ดัชนีประสิทธิภาพหลักของเว็บไซต์ซึ่งจะช่วยให้สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นแก่ผู้เยี่ยมชม

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

คุกกี้โฆษณาใช้เพื่อส่งโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งตามการเข้าชมก่อนหน้านี้ และวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณา

ไม่มีคุกกี้ที่จะแสดง

PTTEP เดินหน้าลงทุนโครงการ CCS Hub เร่งกักเก็บคาร์บอน-ขยายธุรกิจพลังงานสะอาด

            ปตท.สผ. เผยแผนการลงทุนเชิงรุกในโครงการ Carbon Capture and Storage (CCS Hub) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อย่างยั่งยืน พร้อมวางแผนตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในปี 2568 ควบคู่กับการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียน พร้อมคงปริมาณขายทั้งปีที่ 5.01 แสนบาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่บริเวณ 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

            นายเสริมศักดิ์ สัจจะวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ภารกิจของ ปตท.สผ. คือการส่งเสริมความมั่นคงของพลังงานในประเทศและการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) โดยเฉพาะแหล่งอาทิตย์ ซึ่งคาดว่าจะมีการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในปี 2568 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงปี 2027 รวมถึงการดำเนินโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการเติบโตในธุรกิจใหม่ (Diversify) เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงาน พร้อมทั้งแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และเร่งสร้างการเติบโตให้กับบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV)

            นางสาวอารดา วิชญวาณิช ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ PTTEP เปิดเผยถึงโครงการ Carbon Capture and Storage: CCS Hub โดยจะมีการทำงานร่วมกันทั้งกลุ่ม ปตท. โดยลูกค้ากลุ่มแรกคือเครือ ปตท. ซึ่ง ปตท. แม่ จะเป็นผู้ลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และทำงานร่วมกับรัฐบาลในการผลักดันกฎระเบียบหรือกฎหมายรองรับ ส่วนบริษัทในเครือที่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) จากกระบวนการทำงานของตนเอง เช่น GPSC, TOP, GC, IRPC และ PTT จะนับเป็นผู้ผลิตต้นน้ำ สำหรับ PTTEP จะรับหน้าที่เป็นปลายน้ำในการรับผิดชอบการลงทุนพัฒนา offshore storage facility ในอ่าวไทย โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการขุดสำรวจและการจัดเก็บเพื่อสนับสนุนการกักเก็บคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ

            สำหรับภาพรวมปริมาณขายปิโตรเลียมทั้งปี 2567 คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 501,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากปีก่อนที่ 462,007 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยมีการเติบโตขึ้น 40,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเพิ่มกำลังการผลิตของโครงการจี 1/61 (เอราวัณ) สู่ระดับ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ซึ่งเร็วกว่าแผนงาน รวมถึงปริมาณขายตามสัดส่วนการร่วมทุนที่เพิ่มขึ้นของโครงการยาดานาหลังจากผู้ร่วมทุนยุติการลงทุน

            สำหรับราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้นมีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 – 24 เดือน บริษัทคาดว่าราคาขายก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยสำหรับปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 5.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ส่วนต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) คาดว่าจะอยู่ที่ 29-30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยคาดว่าไตรมาส 4/2567 จะลดลงจากไตรมาส 3/2567 รวมถึงคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เฉลี่ยจะอยู่ที่ 70-75%

            ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2567 คาดว่าปริมาณขายปิโตรเลียมจะอยู่ที่ระดับ 520,000-530,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 3/2567 ที่อยู่ระดับ 475,078 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยในไตรมาส 4 ปี 2567 อุปสงค์และอุปทานอยู่ในระดับสมดุล โดยมีความกังวลด้านเศรษฐกิจ การควบคุมการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยสำคัญ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเคลื่อนไหวในกรอบราคา 75 – 85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ส่งผลให้มีการปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันดิบปีนี้ลงเหลือ 900,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ด้านอุปทานแนวโน้มน้ำมันมีความตึงตัวมากขึ้น และยังมีปัจจัยอื่นทั้งการเลือกตั้งของสหรัฐและความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง

            สำหรับแผนธุรกิจปี 2568 อยู่ระหว่างการวางแผน โดยคาดว่าจะสามารถให้ข้อมูลรายละเอียดได้ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 นี้ โดยเบื้องต้นบริษัทจะพยายามรักษาการผลิตทั้งในไทย เมียนมาร์ มาเลเซีย รวมไปถึงตะวันออกกลาง และเร่งรัดการพัฒนา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนพอสมควร โดยในแต่ละปีวางเป้าหมายการลงทุนไว้ที่ประมาณ 6,000-7,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี

แชร์:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตลท. ใช้ Ceiling & Floor (+/-30%) เริ่มมีผล 16 เม.ย.68

ตลท. ใช้ Ceiling & Floor (+/-30%) เริ่มมีผล 16 เม.ย.68

ก.ล.ต. กล่าวโทษ หมอบุญ วนาสิน เหตุเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ

ก.ล.ต. กล่าวโทษ หมอบุญ วนาสิน เหตุเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ

กลต. ยกเลิกไม่ให้กลุ่ม NON SET100 เป็นหุ้นที่สามารถขายชอร์ตได้ เริ่ม 16 เม.ย.นี้

กลต. ยกเลิกไม่ให้กลุ่ม NON SET100 เป็นหุ้นที่สามารถขายชอร์ตได้ เริ่ม 16 เม.ย.นี้

NER ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี68 ไฟเขียวปันผลอีกหุ้นละ 0.31 บ.

NER ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี68 ไฟเขียวปันผลอีกหุ้นละ 0.31 บ.

ข่าวล่าสุด

ทั้งหมด